73 / 100

หลังจากคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้ใช้พระราชกำหนด ฯ นายกรัฐมนตรีได้ออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ออกคำสั่งตั้งศูนย์บริหารโควิด-19 และออกคำสั่งสร้างกลไกในการบริหาร

1.การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน

          หลังจากคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้ใช้พระราชกำหนดการบริหารในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาใช้บังคับ นายกรัฐมนตรีจะต้องออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินก่อน โดยนายกรัฐมนตรีได้ลงนามในประกาศดังกล่าวแล้ว เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2563 ให้ผลบังคับทุกท้องที่ทั่วราชกอาณาจักร นับตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2563 จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2563

            สาระสำคัญของประกาศดังกล่าว พอสรุปได้ดังนี้

            – เหตุทีต้องออกประกาศดังกล่าวเพราะมีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 ซึ่งเป็นโรคที่ติดต่อได้ง่ายและเป็นอันตรายอย่างมากต่อชีวิตของผู้ได้รับเชื้อ

            – ขณะนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรค และยังไม่มียารักษาโดยตรง

            – องค์การอนามัยโลกประกาศให้การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นการระบาดใหญ่

            – เป็นสถานการณ์ที่กระทบต่อความสบเรียบร้อยและความปลอดภัยของประชาชน ซึ่งต้องใช้มาตรการเข้มงวดและเร่งด่วนเพื่อควบคุมมิให้โรคแพร่ระบาดออกไปในวงกว้าง

3.การจัดตั้งองค์กรในการแก้ปัญหา

          เดิมกระทรวงสาธารณสุขเป็นกระทรวงที่มีอำนาจหน้าที่ในการแก้ปัญหาโรคโควิด-19 โดยตรงตามนัยพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 แต่เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคได้ทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ นายกรัฐมนตรีด้วยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี จึงได้มีคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 5/2563 ลงวันที่ 25 มีนาคม 2563 จัดตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 8 คือ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เรียกชื่อโดยย่อว่า ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19”

ในสถานการณ์ฉุกเฉิน จำเป็นต้องมีการรวมศูนย์อำนาจในการบัญชาการไว้แห่งเดียว
นสถานการณ์ฉุกเฉิน จำเป็นต้องมีการรวมศูนย์อำนาจในการบัญชาการไว้แห่งเดียว

            ตามคำสั่งจัดตั้งศูนย์ดังกล่าว มีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้อำนวยการศูนย์ โดยให้โอนอำนาจสั่งการของรัฐมนตรีมาเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีตามความจำเป็นแก่สถานการณ์เป็นการชั่วคราว เพื่อให้การสั่งการและการแก้ไขสถานการณ์เป็นไปโดยมีเอกภาพ รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ

            ศูนย์บริหารสถานการณ์โรคโควิด-19 มีอำนาจในการบริหารแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโรคโควิด-19 ระบาด ได้ในทุกมิติ เพื่อให้นายกรัฐมนตรีสามารถสั่งการได้อย่างทันท่วงที ไม่ต้องติดกรอบหรือข้อจำกัดใด ๆ  ตามแนวคิด การบูรณาการ เชิงสร้างสรรค์

4.การสร้างกลไกในการบริหาร

            ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เป็นศูนย์อำนวยการในการสั่งการ โดยรวมอำนาจสั่งการต่าง ๆ ไว้ที่นายกรัฐมนตรี เพื่อความเป็นเอกภาพ และรวดเร็ว ไม่ติดขัดปัญหาเรื่องต่างกระทรวง และต่างพรรคการเมืองที่อยู่ร่วมรัฐบาลผสม แต่ในการปฏิบัติการในแต่ละด้าน จำเป็นต้องมีกลไกไว้รองรับ

เมื่อมีศูนย์อำนาจแล้ว จำเป็นต้องมีกลไกในการบริหารองรับ การบริหารงานจึงจะสำเร็จ
มื่อมีศูนย์อำนาจแล้ว จำเป็นต้องมีกลไกในการบริหารองรับ การบริหารงานจึงจะสำเร็จ

            ในเรื่องนี้ ได้มีคำสั่งนากรัฐมนตรีที่ 4/2563 ลงวันที่ 25 มีนาคม 2563 แต่งตั้งผู้กำกับการปฏิบัติงาน หัวหน้าผู้รับผิดชอบ และพนักงานเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ดังนี้

            4.1ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการสารณสุขทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร

            4.2 ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการสั่งการและการประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

            4.3ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการควบคุมสินค้า

4.4 ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการต่างประเทศ และการคุ้มครองช่วยเหลือผู้มีสัญชาติไทยในต่างประเทศ

4.5 ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการสื่อสารคมนาคม และสื่อสังคมออนไลน์

4.6 ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง

4.7 ให้เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เลขาธิการคณะรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ประสานงานทั่วไป

ท่านผู้อ่าน คงจะได้เห็นแล้วว่า ภายใต้ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้อำนวยการศูนย์ มีกลไกต่าง ๆ เป็นฟันเฟืองที่จะขับเคลื่อนตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรีได้ในทุกมิติหรือทุกด้านที่เกี่ยวข้องและจำเป็นจะต้องดำเนินการอย่างทันท่วงที

ในทางตรงข้าม หากมิได้จัดตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์โรคโควิด-19 ขึ้นมา ปล่อยให้การบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินให้เป็นไปกลไกปกติของราชการ ท่านผู้อ่านลองคิดดูว่า จะอืดอาดและล่าช้ามากเพียงใด นี่ขนาดได้สร้างกลไกพิเศษขึ้นมานะ การบริหารยังไม่ถูกใจคนบางกลุ่ม ดังจะเห็นได้จากยังมีการวิพากษ์วิจารณ์การบริหารงานของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลอยุ่ตลอดเวลาเลย จริงไหม

5.ข้อสังเกตการสร้างกลไกในการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินโรคโควิด-19

            ดังได้กล่าวมาแล้วข้างต้นว่า ภายใต้ศูนย์บริหารสถานกาณ์โควิด-19 มีกลไกรองรับไว้ 7 ด้าน คือ (1)ด้านการแพทย์และสาธารณสุข โดยปลัดกระทรวงสาธารณสุข (2)ด้านการปกครอง โดยปลัดกระทรวงมหาดไทย (3)ด้านการควบคุมสินค้า โดยปลัดกระทรวงพาณิชย์ (4)ด้านการต่างประเทศ โดยปลัดกระทวงการต่างประเทศ (5)ด้านการสื่อสารคทนาคมและสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ โดยปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (6)ด้านความมั่นคง โดยผู้บัญชาการทหารสูงสุดให้เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และ(7)ด้านการประสานงานทั่วไป โดยเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เลขาธิการคณะรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

            ผมอยากให้ท่านผู้อ่านลองหลับตาจินตนาการดูว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีอำนาจสั่งปลัดกระทรวงหรือตำแหน่งต่าง ๆ ที่เทียบเท่าข้างต้นในการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินโรคโควิด-19 (แทนที่จะให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวง 6-7 กระทรวง  แถมยังมาจาก 3 พรรคการเมืองอีก ต่างคนต่างสั่งภายในขอบเขตอำนาจของกระทรวงตนเอง) จะยังมีปัญหาเกี่ยวกับพลังอำนาจในการขับเคลื่อนเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นเอกภาพ มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล อยู่อีกหรือไม่

              ผมเชื่อว่า ทุกท่านมีคำตอบของตัวเองอยู่แล้ว ใชไหม

6.สรุป

            การบริหารในสถานการณ์ฉุกเฉินกรณีโรคโควิด-19 ซึ่งเป็นโรคติดต่อร้ายแรงและระบาดไปทั่วโลก  ไม่อาจจะแก้ปัญหาด้วยการบริหาราชการตามปกติ คือ การปล่อยให้เป็นอำนาจหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 เพียงกระทรวงเดียว  จำเป็นต้องใช้อำนาจพิเศษของนายกรัฐมนตรีด้วยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามนัยพระราชกำหนดการบริหาราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ด้วยการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และจัดตั้ง “ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ” ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยอำนาจในการสั่งการต่าง ๆที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาจะเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีเป็นผู้สั่งการแทนรัฐมนตรีต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพและฉับไวในการแก้ปัญหา

            นอกจากนี้ ยังได้สร้างกลไกในการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวไว้รองรับถึง 7 ด้าน โดยมีปลัดกระทรวงที่เกี่ยวข้องและผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นผู้รับผิดชอบ พร้อมที่จะรับคำสั่งของนายกรัฐมนตรีไปปฏิบัติให้สัมฤทธิ์ผลได้ทันที  แต่กระนั้นก็ตาม เสียงวิพากษ์วิพากษ์วิจารณ์การบริหารงานของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลก็ยังมีอยู่ตลอด

            ในส่วนตัวผมคิดว่า นายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ก็รับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะ มีการปรับปรุงแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในทางปฏิบัติอยู่ตลอด ดังนั้น เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย การวิพากษ์วิจารณ์ก็น่าจะลดลง หรืออาจจะเปลี่ยนมาเป็นคำชมแทนก็ได้ ซึ่งเราก็คงต้องคอยติดตามดู

            ส่วนการบริหารงานเพื่อแก้ไขปัญหาโรคไข้หวัดนก เมื่อ ปี พ.ศ.2547 เป็นการบริหารราชชการตามปกติ มิได้เป็นการบริหารในสถานการณ์ฉุกเฉิน กล่าวคือ อำนาจหน้าที่ในการแก้ปัญหา เป็นอำนาจหน้าที่ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมปศุสัตว์

            ท่านผู้อ่าน คงจะพอมองเห็นภาพแล้วใช่ไหมว่า การบริหารอันใดยากกว่ากัน ระหว่าง โรคโควิด-19 กับโรคไข้หวัดนก พ.ศ.2547

            พบกันใหม่วันจันทร์ที่ 20 เมษายน 2563

            ดร.ชา  

วันศุกร์ที่ 17 เมษายน 2563

Dr.Char

Mr.Chartri DireksriMr.Chartri Direksriดร.ชาตรี ดิเรกศรี (Dr.Chartri Direksri) เคยรับราชการเป็นนักปกครองในตำแหน่งปลัดอำเภอตรี เมื่อปีพ.ศ.2517 ผ่านการดำรงตำแหน่งนายอำเภอหลายอำเภอ เป็นปลัดจังหวัด และเกษียณอายุราชการในตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด เมื่อปีพ.ศ.2554 นอกจากนี้ยังเคยเป็นอาจารย์ผู้บรรยายพิเศษ หลักสูตรปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นเวลา 9 ปี

RELATED ARTICLES

หมอ พยายาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อรักษาคนติดเชื้อโรคโควิด-19

การบริหารในสถานการณ์ฉุกเฉินกรณีโรคโควิด-19: ความรุนแรงของสถานการณ์ และแนวคิดในการแก้ปัญหา(1)

Share on Social Media facebook email 68 / 100 Powered by Rank Math SEO การมองการบริหารในสถานการณ์ฉุกเฉินกรณรีโรคโควิด-19 ด้วยประสบการณ์การบริหารเพื่อแก้ปัญหาโรคไข้หวัดนก ปีพ.ศ.2547  (1) อาจมองได้หลายมิติ ในตอนแรกนี้ จะขอกล่าวถึงมิติด้านความรุนแรงของสถานการณ์ และแนวคิดในการแก้ปัญหา 1.ความรุนแรงของสถานการณ์โรคโควิด-19 ระบาด อาจมองความรุนแรงของสถานการณ์โรควิด-19 ได้เป็น 2 ระดับโลก และความรุนแรงของสถานการณ์โรคโควิด-19 ในประเทศไทย             1.1ความรุนแรงของสถานการณ์โรคโควิด-19 ระดับโลก           ความรุนแรงของสถานการณ์โรคโควิด-19 (Covid-19) หรือโรคไวรัสโคโรนา (Virus Corona) ถือได้ว่า เป็นโรคระบาดจากคนไปสู่คนและแพร่กระจายไปทั่วโลก โดยเริ่มต้นจากประเทศจีนไปสู่อีกหลายประเทศอย่างรวดเร็วทั้งในเอเชีย ยุโรป และอเมริกา มียอดผู้ติดเชื้อ…

ชาว ไทยกับกฎหมายอุ้มหาย: มีระบบและกลไกตรวจสอบการใช้อำนาจอันมิชอบของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ได้จริงหรือไม่ เพียงใด (18) (New***) 3

ชาว ไทยกับกฎหมายอุ้มหาย: มีระบบและกลไกตรวจสอบการใช้อำนาจอันมิชอบของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ได้จริงหรือไม่ เพียงใด (18) (New***)

ชาว ไทย ได้รับการคุ้มครองจากกฎหมายอุ้มหาย

รัฐ สมาชิกของสหภาพยุโรป มีประเทศอะไรบ้าง (3) 4

รัฐ สมาชิกของสหภาพยุโรป มีประเทศอะไรบ้าง (3)

Share on Social Media facebook email 90 / 100 Powered by Rank Math SEO “รัฐ สมาชิก สหภาพยุโรป มีประเทศอะไรบ้าง” เป็นบทความลำดับที่ 3 ของหมวด 15 เรื่องเล่า สหภาพยุโรปหรืออียู เนื้อหาประกอบด้วย ความนำ รัฐ สมาชิกรุ่นบุกเบิก หลักเกณฑ์ในการรับรัฐสมาชิกของสหภาพยุโรป  แรงจูงใจในการสมัครเข้าเป็นภาคีของสหภาพยุโรป การขยายตัวครั้งที่หนึ่ง การขยายตัวครั้งที่สอง การขยายตัวครั้งที่สาม การขยายตัวครั้งที่สี่ การขยายตัวครั้งที่ห้า การขยายตัวครั้งที่หกประเทศที่รอโอกาสเข้าเป็นภาคีของอียู วิเคราะห์ความยากง่ายในการเข้าเป็นภาคีของอียู สรุป ถาม-ตอบ สนุกกับดร.ชา 369 1.ความนำ           แม้การรวมตัวของรัฐต่าง ๆ…

สถาบันหลักแห่งสหภาพยุโรป มีอะไรบ้าง (2) 5

สถาบันหลักแห่งสหภาพยุโรป มีอะไรบ้าง (2)

Share on Social Media facebook email 86 / 100 Powered by Rank Math SEO “สถาบันหลักแห่งสหภาพยุโรป เป็นบทความลำดับที่ 2 ของหมวด 15 เรื่องเล่า สหภาพยุโรป หรืออียู” โดยจะกล่าวถึง สหภาพยุโรปยุโรปคืออะไร สถาบันหลักของสหภาพยุโรป คณะมนตรียุโรปหรือการประชุมสุดยอดยุโรป คณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรป คณะกรรมาธิการยุโรป รัฐสภายุโรป ศาลยุติธรรมยุโรป  สถาบันหลักอื่น ๆ  สรุปและข้อคิดเห็น ถาม-ตอบสนุก กับดร.ชา 3 1. สหภาพยุโรปคืออะไร           ก่อนจะกล่าวถึงสถาบันหลักของสหภาพยุโรปว่า มีอะไรบ้าง จำเป็นต้องทำความเข้าใจเสียก่อนว่า สหภาพยุโรปคืออะไรกัน มีฐานะเป็นรัฐหรือไม่            …

8 COMMENTS

  1. ขอขอบคุณการวิเคาระห์การบริหารฯ จะนำไปต่อยอดสอนนศ. เพื่อเพิ่มองค์ความรู้ให้หบากหลายมากยิ่งขึ้น

    1. ขอบคุณมาก คุณบุญญสรณ์ ก็เป็นการเล่าเรื่องที่อิงวิชาการอยู่่บ้าง

  2. ผมเห็นว่าการบริหารงานในการแก้ปัญหาโรคโควิด 19 ถึงแม้จะใหญ่กว่าโรคไข้หวัดนก แต่ดูโควิด จะบริหารง่ายกว่า เพราะอำนาจการสั่่งการขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี ที่จะสามารถสั่งการขับเคลื่อนกลไกต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าครับ

    1. ใช่ แต่รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลผสม การจะดึงอำนาจมาอยู่่ในมือนายก ฯ โดยตรง ก็ไม่น่าจะง่ายนะ ถ้าสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยจริง ๆ

Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

Share on Social Media
%d bloggers like this: