67 / 100

อาจจะมองการบริหารในสถานการณ์ฉุกเฉินกรณีโรคโควิด-19 ด้วยประสบการณ์ ฯ โรคไข้หวัดนกระบาดปี พ.ศ.2547 ด้วยแนวคิด เหตุผล ความจำเป็น คุณลักษณะพิเศษ และข้อสังเกตของการใช้อำนาตตามพระราชกำหนด ฯ ดังนี้

1.แนวคิดในการใช้อำนาจตามพระราชกำหนด ฯ

          การใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรงสาธารณสุขเป็นผู้รักษาการ มีขอบเขตการใช้อำนาจในการบริหารและสั่งการเฉพาะกระทรวงสาธารณสุขเป็นหลัก จึงเหมาะกับกรณีเกิดโรคติดต่อระบาดแบบปกติทั่ว ๆ ไป ไม่อาจจะนำมาปรับใช้ในการแก้ปัญหากรณีเกิดโรคติดต่อระบาดอย่างร้ายแรงอย่างโรคโควิด-19 ได้

ก่อนจะใช้อำนาจตามพระราชกำหนด ฯ ต้องมีแนวคิดเสียก่อน
ก่อนจะตัดสินใจใช้อำนาจตามพระราชกำหนด ฯ ต้องมีแนวคิด

            การแก้ปัญหาโรคโควิด-19 ซึ่งกำลังระบาดไปทั่วโลกเวลานี้ ไม่เพียงแต่เป็นภาวะวิกฤตของประเทศไทยเท่านั้น แต่ถือเป็นภาวะวิกฤตของโลกด้วย ดังนั้น จึงต้องอาศัยอำนาจพิเศษในการแก้สถานการณ์ ด้วยการบูรณาการสรรพกำลังทุกภาคส่วนเข้าด้วยกัน ภายใต้การสั่งการของนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นการบริหารคู่ขนานกับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเติมเต็มในส่วนที่อำนาจการบริหารหรืออำนาจสั่งการในส่วนที่อยู่นอกกรอบแนวคิด หลักการ และมาตรการของพระราชบัญญัติโรคติตต่อ พ.ศ.2558

            ดังนั้น นายกรัฐมนตรีจึงจำเป็นต้องขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีในการใช้อำนาจตาม พระราชกำหนด ฯ

2.เหตุผลและความจำเป็นที่ต้องใช้พระราชกำหนด ฯ ในการแก้ปัญหาโรคโควิด-19 ระบาด

            การที่รัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา จำเป็นต้องใช้อำนาจตามพระราชกำหนด ฯ ในการแก้ปัญหาโรคโควิด-19 ระบาด พอจะชี้ให้เห็นได้ดังนี้

นอกจากนี้ ต้องมีเหตุผล และความจำเป็นในการใช้อำนาจตามพระราชกำหนด ฯ
นอกจากนี้ ต้องมีเหตุผล และความจำเป็นในการใช้อำนาจตามพระราชกำหนด ฯ

            2.1โรคโควิด-19 ระบาด ไม่ใช่ปัญหาของประเทศไทยประเทศเดียว แต่เป็นปัญหาของทุกประเทศทั่วโลก ดังนั้น การใช้อำนาจในการแก้ปัญหาตามสายงานปกติ คือ สายงานกระทรวงสาธารณสุข ไม่มีสมรรถนะเพียงพอที่จะแก้ปัญหาได้

            2.2 ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติดังกล่าว ไม่มีอำนาจจะไปสั่งการกระทรวงอื่น ๆ ได้ ทำได้แค่การประสานงาน หรือแม้แต่จะมีการเสนอให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ ก็ไม่ได้ช่วยให้การบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ เพราะผู้ปฏิบัติหลัdก็ยังคงเป็นกระทรวงสาธารณสุขเหมือนเดิม

            2.3 การใช้อำนาจตามพระราชกำหนด ฯ หลังจากคณะรัฐมนตรีเห็นชอบแล้ว อำนาจในการสั่งการต่าง ๆ ที่เคยเป็นอำนาจของรัฐมนตรี จะเป็นอำนาจสั่งการของนายกรัฐมนตรีแทน โดยนายกรัฐมนตรีจะสั่งตรงไปยังปลัดกระทรวงของแต่ละกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น การบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เป็นเอกภาพ ไม่ขัดแย้งกันเอง และเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

            2.4 การใช้อำนาจตามพระราชกำหนด ฯ ทำให้นายกรัฐมนตรีสามารถออกข้อกำหนดและคำสั่งต่าง ๆ เพื่อให้การบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเป็นการสลายกำแพงระหว่างกระทรวง และกำแพงระหว่างพรรคการเมืองซึ่งมาร่วมเป็นรัฐบาลผสมไปในตัว

            2.5 นายกรัฐมนตรีสามารถใช้อำนาจพิเศษตามพระราชกำหนด ฯ สั่งการข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทุกสังกัดให้มาปฏิบัติหน้าที่ในการแก้ปัญหาโรคโควิด-19 ระบาด ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข ทหาร ตำรวจ รัฐวิสาหกิจ และกระทรวงต่าง ๆ ที่นายกรัฐมนตรีเห็นว่า มีความจำเป็นต้องให้มาปฏิบัติหน้าที่ตามข้อกำหนดและคำสั่งต่าง ๆ ภายใต้พระราชกำหนด ฯ

            2.6 นอกเหนือจากการสั่งการข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐตามข้อ 3.5 แล้ว นายกรัฐมนตรียังสามารถใช้อำนาจตามพระราชกำหนด ฯ สั่งการประชาชนทุกสาขาอาชีพได้ตามความจำเป็นเพื่อให้สามารถแก้ปัญหาโรคโควิด-19 ระบาดได้สำเร็จ

3.ลักษณะพิเศษของการใช้อำนาจตามพระราชกำหนด ฯ ของนายกรัฐมนตรี

          ผมเห็นว่า การใช้อำนาจบริหารในสถานการณ์ฉุกเฉินกรณีโรคโควิด-19  ตามพระราชกำหนด ฯ มีลักษณะพิเศษแตกต่างไปจากการใช้อำนาจในการบริหารราชการแผ่นดินในภาวะปกติ ดังนี้ คือ

            3.1 เป็นการรวมศูนย์อำนาจในการสั่งการไว้ที่นายกรัฐมนตรี เท่ากับนายกรัฐมนตรียอมรับว่า การบริหารในสถานการณ์ฉุกเฉินกรณีโรคโควิด-19 เป็นความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรีโดยตรง เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ของงาน ไม่ใช่กระทรวงสาธารณสุขหรือกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งโดยเฉพาะ เพราะในเชิงการบริหารในสถานการณ์ดังกล่าว ไม่มีกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งจะสามารถบริหารงานได้โดยลำพังให้สำเร็จได้อย่างแน่นอน จำเป็นต้องผนึกงานของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนเข้าด้วยกัน อย่างที่เรียกว่า พลังประชารัฐ

            3.2 การใช้ภาวะผู้นำเช่นนี้ เรียกว่า ภาวะผู้นำแบบบูรณาการเชิงสร้างสรรค์ (Creative Integration Leadership) ซึ่งเป็นภาวะผู้นำในทำนองเดียวกันกับ ภาวะผู้นำของผู้ว่า ฯ ซีอีโอ (Chief Executive Officer) หรืออาจจะเรียกว่า ภาวะผู้นำของนายก ฯ ซีอีโอ ก็ได้

            แต่มิได้หมายความว่า นายกรัฐมนตรีเอาอย่างผู้ว่าราชการจังหวัดนะ เพื่อความเข้าใจที่ชัดเจน ผมขออธิบายแทรกตรงนี้สักเล็กน้อย  ฝ่ายบริหารของประเทศไทยเป็นไปตามระบบรัฐสภา คือ เป็นคณะบุคคล ที่เรียกว่า คณะรัฐมนตรี 

          การตัดสินใจและการบริหารงานของคณะรัฐมนตรีภายใต้ระบบรัฐสภา ถือว่าตัดสินใจร่วมกันและรับผิดชอบร่วมกัน แต่เมื่อมีสถานการณ์ฉุกเฉิน คณะรัฐมนตรีอาจมีมติมอบอำนาจให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ใช้อำนาจในทำนองผู้บริหารเดี่ยวได้เฉพาะเรื่องเป็นการชั่วคราว

          ผิดกับระบบของอเมริกา ที่พวกเราชอบเรียกว่า ระบบประธานาธิบดี ฝ่ายบริหาร คือประธานาธิบดีคนเดียว แม้จะมีรัฐมนตรีกระทรวงต่าง ๆ แต่ผู้มีอำนาจตัดสินใจในการบริหารประเทศอเมริกา คือ ประธานาธิบดีเท่านั้น

            3.2 การใช้อำนาจของนายกรัฐมนตรี ตามพระราชกำหนด ฯ ออกประกาศ คำสั่ง และข้อกำหนดต่าง ๆ เป็นเรื่องที่ทุกภาคส่วน และทุกคนที่เกี่ยวข้องต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด หากใครฝ่าฝืน จะต้องได้รับโทษตามพระราชกำหนด ฯ มาตรา 18 คือ จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

            3.3 ข้อกำหนด ประกาศ คำสั่ง หรือการกระทำตามพระราชกำหนดนี้ ได้รับการยกเว้นจากการที่จะถูกฟ้องคดีต่อศาลปกครอง ตามนัยพระราชกำหนด ฯ มาตรา 16

            หมายความว่า โอกาสที่นายกรัฐมนตรีจะถูกฟ้องต่อศาลปกครองว่า ออกคำสั่งหรือมีการกระทำมิชอบด้วยอำนาจหน้าที่ ไม่มี จึงไม่ต้องมีความกังวลในเรื่องนี้

            3.4 พนักงานเจ้าหน้าที่ และผู้มีอำนาจเช่นเดียวกับพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชกำหนดนี้ ไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่ง ทางอาญา หรือทางวินัย หากเป็นการกระทำที่สุจริต ไม่เลือกปฏิบัติ และเกินสมควรแก่เหตุหรือไม่เกินกว่ากรณีจำเป็น ตามพระราชกำหนด ฯ มาตรา 17

การจะดำเนินคดีเกี่ยวกับการใช้อำนาจพระราชกำหนดนี้ ก็จะต้องกล่าวหาหรือฟ้องร้องว่า พนักงานเจ้าหน้าที่เลือกปฏิบัติ ใช้อำนาจเกินสมควรหรือเกินกว่ากรณีจำเป็น ดังนั้น พนักงานเจ้าหน้าที่จึงต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง

4.ข้อสังเกตของการใช้อำนาจตามพระราชกำหนด ฯ

          แม้การใช้อำนาจตามพระราชกำหนด ฯ ในการออกประกาศ คำสั่ง และข้อกำหนดต่าง ๆ ในการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน กรณีโรคโควิด-19 ระบาดจะได้รับความคุ้มครองจากการถูกฟ้องต่อศาลปกครอง ตามมาตรา 16 และได้รับความคุ้มครองไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่ง อาญา และวินัย หากเป็นการกระทำที่สุจริต ไม่เลือกปฏิบัติ หรือเกินสมควรแก่เหตุหรือไม่เกินกว่ากรณีจำเป็น ตามมาตรา 17 แต่การใช้อำนาจดังกล่าวก็ต้องอยู่ภายในกรอบของรัฐธรรมนูญ

            หมายความว่า การออกประกาศ คำสั่ง และข้อกำหนดต่าง ๆ โดยอาศัยอำนาจตามพระราชกำหนด ฯ ต้องไม่แย้งหรือขัดต่อรัฐธรรมนูญ เพราะถ้าแย้งหรือขัดต่อรัฐธรรมนูญ ประกาศ คำสั่งและข้อกำหนดน้ันจะใช้บังคับไม่ได้ ดังนั้น รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี จึงไม่อาจอาศัยอำนาจตามพระราชกำหนด ในการออกประกาศ คำสั่ง หรือข้อกำหนดบางอย่างที่มีผู้เสนอแนะหรือวิพากษ์วิจารณ์ได้

5.สรุป

            การมองการบริหารในสถานการณ์ฉุกเฉินกรณีโรคโควิด-19 ระบาด ด้วยมิติของการนำกฎหมายมาใช้บังคับ แยกออกเป็น 2 ฉบับ คือ พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 และพระราชกำหนดการบริหารในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548  ความแตกต่างของการนำกฎหมายทั้งสองฉบับมาบังคับใช้อยู่ขอบเขตอำนาจ ผิดกับการบริการเพื่อแก้ปัญหาโรคไข้หวัดนก เมื่อปี พ.ศ.2547 เป็นเพียงการใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อสัตว์ พ.ศ.2499 และแก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ.2546

            พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 เป็นกฎหมายที่รัฐมนตรีว่ากากรกระทรวงสาธารณสุขรักษาการ อำนาจในการบริหารส่วนใหญ่จึงเป็นเรื่องของกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอื่น ๆ มีส่วนเกี่ยวข้องไม่มาก แต่การใช้อำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารในสถานการณ์ฉุกเฉิน เป็นการใช้อำนาจโดยหัวหน้ารัฐบาล จึงสามารถออกคำสั่งให้ทุกภาคส่วนผนึกกำลังเข้าด้วยกันให้เป็นหนึ่งเดียว ไม่แบ่งแยกงานออกเป็นงานกระทรวงนี้ กระทรวงนั้น แต่ให้ถือว่าเป็นงานของชาติหรือประเทศในภาวะวิกฤตหรือฉุกเฉินที่ไม่อาจรั้งรอต่อไปได้อีก

            หากเปรียบเทียบการต่อสู้กับโรคโควิด-19 ระบาดในครั้งนี้เป็นศึกสงคราม การใช้อำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารในสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้บัญชาการการสู้รบด้วยตนเอง โอกาสที่จะได้รับชัยชนะย่อมมีมากกว่า การปล่อยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้บัญชาการรบโดยลำพังอย่างแน่นอน

            เชื่อว่า ท่านผู้อ่านคงเห็นด้วยกับผมนะ

          ขอบคุณครับ พบกันใหม่ ในวันศุกร์ที่ 17 เมษายน 2563 ในเรื่องโรคโควิด-19 ตอนที่ 4 ว่าด้วย การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และการจัดองค์กรสู้ศึก

          ดร.ชา

          วันพุธที่ 15 เมษายน 2563

Dr.Char

Mr.Chartri DireksriMr.Chartri Direksriดร.ชาตรี ดิเรกศรี (Dr.Chartri Direksri) เคยรับราชการเป็นนักปกครองในตำแหน่งปลัดอำเภอตรี เมื่อปีพ.ศ.2517 ผ่านการดำรงตำแหน่งนายอำเภอหลายอำเภอ เป็นปลัดจังหวัด และเกษียณอายุราชการในตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด เมื่อปีพ.ศ.2554 นอกจากนี้ยังเคยเป็นอาจารย์ผู้บรรยายพิเศษ หลักสูตรปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นเวลา 9 ปี

RELATED ARTICLES

หมอ พยายาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อรักษาคนติดเชื้อโรคโควิด-19

การบริหารในสถานการณ์ฉุกเฉินกรณีโรคโควิด-19: ความรุนแรงของสถานการณ์ และแนวคิดในการแก้ปัญหา(1)

Share on Social Media facebook email 68 / 100 Powered by Rank Math SEO การมองการบริหารในสถานการณ์ฉุกเฉินกรณรีโรคโควิด-19 ด้วยประสบการณ์การบริหารเพื่อแก้ปัญหาโรคไข้หวัดนก ปีพ.ศ.2547  (1) อาจมองได้หลายมิติ ในตอนแรกนี้ จะขอกล่าวถึงมิติด้านความรุนแรงของสถานการณ์ และแนวคิดในการแก้ปัญหา 1.ความรุนแรงของสถานการณ์โรคโควิด-19 ระบาด อาจมองความรุนแรงของสถานการณ์โรควิด-19 ได้เป็น 2 ระดับโลก และความรุนแรงของสถานการณ์โรคโควิด-19 ในประเทศไทย             1.1ความรุนแรงของสถานการณ์โรคโควิด-19 ระดับโลก           ความรุนแรงของสถานการณ์โรคโควิด-19 (Covid-19) หรือโรคไวรัสโคโรนา (Virus Corona) ถือได้ว่า เป็นโรคระบาดจากคนไปสู่คนและแพร่กระจายไปทั่วโลก โดยเริ่มต้นจากประเทศจีนไปสู่อีกหลายประเทศอย่างรวดเร็วทั้งในเอเชีย ยุโรป และอเมริกา มียอดผู้ติดเชื้อ…

พระพุทธเจ้า มีคาถารักษาโรคเรื้อรังได้หรือไม่ (16)(New***) 2

พระพุทธเจ้า มีคาถารักษาโรคเรื้อรังได้หรือไม่ (16)(New***)

Share on Social Media facebook email 90 / 100 Powered by Rank Math SEO “พระพุทธเจ้า มีคาถารักษาโรคเรื้อรังได้หรือไม่” นับเป็นบทความลำดับที่ 16 ของหมวด 7 เรื่องเล่า ประสบการณ์ปฏิบัติธรรม เพื่อคลายทุกข์ มีเนื้อหาประกอบด้วย ความนำ  พระพุทธเจ้ามีหลักคำสอนว่าอย่างไร   ประเภทของโรค โรคเรื้อรัง โรคเรื้อรังที่น่าสนใจ แนวทางในการรักษาโรคเรื้อรัง คาถารักษาโรคทุกโรคของพระพุทธเจ้า ทำไมจึงควรนำคาถานี้ไปใช้ในการรักษาโรคเรื้อรัง ประสบการณ์ในการนำคาถานี้มาใช้ ขั้นตอนและแนวทางในการนำคาถานี้ไปใช้ การบริกรรมคาถา การอธิษฐานจิต การสั่งจิตใต้สำนึก การสร้างมโนภาพ  ตัวอย่างการอธิษฐานจิตรวมทุกโรค ตัวอย่างการอธิษฐานจิตเฉพาะโรค สรุป ถาม-ตอบสนุก กับดร.ชา 369          …

ไต้หวัน มีความเจริญมากน้อยเพียงใด (12) 4

ไต้หวัน มีความเจริญมากน้อยเพียงใด (12)

Share on Social Media facebook email 87 / 100 Powered by Rank Math SEO “ไต้หวัน มีความเจริญมากน้อยเพียงใด” เป็นบทความลำดับที่ 12 ของหมวด 14 เรื่องเล่า ประเทศเอเชียตะวันออก มีหัวข้อ ดังนี้ ความนำ  ประวัติความเป็นมาของไต้หวันโดยย่อ ตำแหน่งที่ตั้งและขนาดพื้นที่ ประชากร (จำนวน เชื้อชาติ และศาสนา) การปกครอง เมืองหลวง ความสัมพันธ์กับต่างประเทศ  ตัวชี้วัดความเจริญทางเศรษฐกิจ ตัวชี้วัดความเจริญในด้านอื่น ๆ   สรุป ถาม-ตอบสนุก กับดร.ชา 36           “ไต้หวันหรือจีนไทเป เป็นประเทศที่ได้ชื่อว่า เป็นเสือตัวหนึ่งในบรรดาสี่ตัวของเอเชีย…

เกาหลีเหนือ เป็นประเทศเผด็จการสมบูรณ์แบบ (11) 5

เกาหลีเหนือ เป็นประเทศเผด็จการสมบูรณ์แบบ (11)

Share on Social Media facebook email 87 / 100 Powered by Rank Math SEO “เกาหลีเหนือ เป็นประเทศเผด็จการสมบูรณ์แบบ” เป็นบทความลำดับที่ 11 ของหมวด 14 เรื่องเล่า ประเทศเอเชียตะวันออก  มีหัวข้อประกอบด้วย ความนำ ตำแหน่งที่ตั้งของเกาหลีเหนือ  ขนาดพื้นที่ ประชากร ประวัติความเป็นมา การเมืองการปกครอง  อุดมการณ์ของชาติ ตระกูลคิม ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ความสัมพันธ์กับเกาหลีใต้ สิทธิมนุษยชน การทหาร สรุป ถาม-ตอบสนุก กับดร.ชา 369 “ประเทศเกาหลีเหนือ แม้เป็นประเทศขนาดเล็ก มีประชากรไม่มาก และมีฐานะยากจน แต่ก็สามารถเป็นประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์ และมีความแข็งแกร่งด้านการทหาร…

6 COMMENTS

  1. ทันสมัยใหม่เสมอเลยค่ะอาจารย์ วันนี้ต้องรีบอ่านเพราะเรื่องมัน Hot

    1. เรืองนี้ ทำความเข้าใจไม่ยากหรอก เพราะเป็นเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นอยู่่ในปัจจุบัน และอยู่่ในความสนใจของคนไทยทั้งประเทศ
      ในทำนองว่า ทุกคนล้วนมีส่วนได้เสีย ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ไม่ว่ารัฐบาลจะใช้วิธีไหนก็ยากจะทำให้คนทุกคนพอใจได้ สาเหตุหลัก คือประเทศไทย ยังไม่ใช่ประเทศร่ำรวย
      ประชาชนมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวอยู่่ในระดับปากนกลางอยู่่
      ถึงอย่างไร ผมก็อยากฟังความเห็นของคุณบุญญสรณ์อยู่่

  2. การที่รัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ครั้งนี้ทำให้การขับเคลื่อนกฎหมายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเพราะคนมีความกลัวตายเป็นพื้นฐาน จึงสอดคล้องกับความต้องการของประชาชน ที่่ต้องการให้ตนเองและชุมชนอยู่รอดจากโรคร้าย แต่นโยบายการเยียวยา 5000 บาท ยังเป็นปัญหาย้อนคืนให้รัฐบาลต้องทบทวนถึงกฎเกณฑ์ของการให้ เช่นอาชีพเกษตรกร เพียงแต่ในครอบครัวที่่ขึ้นทะเบียนเกษตรกร แต่หาใช่ว่าทุกคนในครัวเรือนจะเหมาเป็นเกษตรกร ไปเสียหมด จึงสร้างความไม่พอใจให้กับผู้ที่ผิดหวังกับเงินเยียวยาดังกล่าวครับ

    1. การใช้เงินแก้ปัญหา ก็มักจะยุ่งอย่างนี้ ไม่ว่าจะใช้วิธีใด คนไม่พอใจ มักจะมีอยู่่ตลอด กระทรวงการคลังก็คงปวดหัวอยุ่่เหมือนกัน

  3. ดูๆ แล้วการป้องกันโรค จะเป็นไปง่ายกว่าการเยียวยาครับอาจารย์

Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

Share on Social Media
%d bloggers like this: