“เซี่ยงไฮ้ ปารีสแห่งตะวันออก” เป็นบทความลำดับที่ 8 ของหมวดเรื่องเล่า ประเทศเอเชียตะวันออก ความนำ ประวัติความเป็นมาของเซี่ยงไฮ้ ข้อมูลที่ควรทราบ รูปแบบการปกครอง เศรษฐกิจ การศึกษา การคมนาคมขนส่ง ความสัมพันธ์กับต่างประเทศ สรุป และถาม-ตอบ สนุก กับดร.ชา 369

Table of Contents
1.ความนำ
เมืองใหญ่ที่สุดที่ขึ้นตรงต่อรัฐบาลจีน มีอยู่ 4 เมือง คือ ปักกิ่ง (เปย์จิง) (Beijing/Peking) เซี่ยงไฮ้ (Shanghai) เทียนจินหรือเทียนสิน (Tianjin) และจุงจิงหรือฉงชิ่ง (Chongqing) โดยในบทความที่แล้วได้เล่าเรื่อง ปักกิ่ง เมืองหลวงของมหาเศรษฐีพันล้านของโลก
สำหรับบทความนี้ จะได้นำเสนอเรื่องเมืองใหญ่ที่สุดของจีนอีกเมืองหนึ่ง คือ เซี่ยงไฮ้หรือซ่างไห่ ซึ่งเป็นเมืองท่าตั้งอยู่ปากแม่น้ำแยงซีเกียง (Yantze River)
ซ่างไห่ เป็นเมืองที่มีประชากอาศัยในเขตเมืองมากที่สุดของจีน กล่าวคือ มีประชากรเมื่อปี 2020 จำนวน 24.87 ล้านคน และเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นมากที่สุดในโลก ยิ่งกว่านั้น ยังเป็นเมืองเดียวในเอเชียตะวันออกที่มีขนาดจีดีพีโตกว่าเมืองหลวงคือปักกิ่ง
ซ่างไห่ เป็นเมืองศูนย์กลางระดับโลก (global center) ในหลายด้าน ทั้งในด้านการเงิน ธุรกิจ เศรษฐกิจ การวิจัย การศึกษา เทคโนโลยี การผลิตสินค้าอุตสาหกรรม การท่องเที่ยว วัฒนธรรม และการขนส่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่าเรือซ่างไห่ เป็นท่าเรือที่มีตู้บรรทุกสินค้าหนาแน่นที่สุดในโลก
ซ่างไห่ ได้ชื่อว่า เป็นเมืองสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจของจีน (showpiece of the booming economy of China) จนได้รับการขนานนามว่า “ปารีสแห่งตะวันออก” (Paris of the East) และจัดอยู่ในกลุ่มมหานครไฮโซของโลกอันดับ 5 รองลงมาจากกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. มหานครนิวยอร์ก กรุงลอนดอน และกรุงปารีส
2.ประวัติความเป็นมาของเซี่ยงไฮ้

เดิมซ่างไห่ เป็นเพียงหมู่บ้านประมงเล็ก ๆ มีประวัติความเป็นมาตั้งแต่เมื่อ 6,000 ปีที่ผ่านมา ในยุคของราชวงศ์ถังและราชวงศ์ซ่ง ได้กลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญ จนกระทั่งถึงยุคราชวงศ์หมิง จึงได้รับการพัฒนาให้เจริญก้าวหน้าครั้งใหญ่
ในยุคของราชวงศ์ชิง ซ่างไห่ได้กลายเป็นเมืองท่าทางทะเลที่สำคัญที่สุดในแถบปากแม่น้ำแยงซีเกียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัชสมัยของสมเด็จพระจักรพรรดิกังซี และ สมเด็จพระจักรพรรดิเฉียนหลง
ในช่วงสงครามจีน-ญี่ปุ่น ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 28 มกราคม 1932 ญี่ปุ่นได้เข้ายึดซ่างไห่ ต่อมาภายหลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง กองทัพปลดแอกของประชาชนจีนจึงได้เข้ายึดช่างไห่คืน เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 1949
ภายหลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลงแล้ว เศรษฐกิจของซ่างไห่ได้รับการฟื้นฟูขึ้นเป็นอย่างมากในช่วงปี 1949-1952
ความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจของซ่างไห่ ได้เป็นไปอย่างก้าวกระโดดในยุคของการปฏิรูปเศรษฐกิจจีนในช่วงทศวรรษที่ 1990 ซึ่งเติ้ง เสี่ยวผิง ได้เป็นผู้บุกเบิกไว้ โดยการกำหนดให้ช่างไห่เป็นเมืองต้นแบบของการปฏิรูป เพื่อดึงดูดเงินทุนจากต่างประเทศ
เมื่อปี 2020 เครือข่ายการวิจัยเมืองของโลกและโลกาภิวัตน์ (Globalization and World Cities Research Networks) ได้ให้คะแนนสูงสุดแก่ซ่างไห่ ทำให้ช่างไห่ ติดอันดับเมืองใหญ่สิบอันดับแรกของโลก
3.ข้อมูลที่ควรทราบ
ข้อมูลเบื้องต้นของซ่างไห่ที่ควรทราบ มีดังนี้
3.1 พื้นที่
ซ่างไห่มีพื้นที่ แยกออกเป็นพื้นที่ในส่วนที่เป็นเขตเทศบาล พื้นที่ส่วนที่เป็นน้ำ และพื้นที่ส่วนที่เป็นเมือง ดังนี้
-พื้นที่ส่วนที่เป็นเทศบาล จำนวน 6,341 ตร.กม.
– พื้นที่ส่วนที่เป็นน้ำ จำนวน 697 ตร.กม.
– พื้นที่ส่วนที่เป็นเมือง จำนวน 4,000 ตร.กม. (2018)
3.2 ความสูงจากระดับน้ำทะเล
– เฉลี่ย 4 เมตร
– จุดสูงสุด 118 เมตร
3.3 จำนวนเกาะ
ซ่างไห่มีเกาะ จำนวนไม่น้อยกว่า 10 เกาะ โดยเกาะใหญ่ที่สุดคือ เกาะฉงหมิง ซึ่งมีพื้นที่ 1,370 ตร.กม. นับเป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่สามของจีน รองลงมาจากเกาะไต้หวัน และเกาะไหหลำ
3.4 ภูมิอากาศ
ซ่างไห่ ตั้งอยู่ในเขตมรสุมเอเชียเหนือ ภูมิอากาศมีอยู่ 4 ฤดู แต่ฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง มีระยะเวลาค่อนข้างสั้น ส่วนฤดูหนาวและฤดูร้อนมีระยะเวลายาว
3.5 จำนวนประชากร
จำนวนประชากรในเขตเทศบาล จำนวน 24,870 คน (2020) นับว่าเป็นเมืองที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดของจีน และมีความหนาแน่นของประชากรเฉลี่ย 3,900 คน ต่อหนึ่งตร.กม.
4.รูปแบบการปกครอง

(Wikipedia, Shanghai, 29th January 2022)
เช่นเดียวกับสถาบันการปกครองอื่น ๆ บนจีนแผ่นดินใหญ่ ซ่างไห่มีระบบการปกครองที่เป็นคู่ขนานของรัฐบาลกับพรรค (parallel party-government system) โดยเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำซ่างไห่ มีตำแหน่งสูงกว่านายกเทศมนตรีซ่างไห่ และมีคณะกรรมการพรรค ทำหน้าที่เป็นองค์กรกำหนดนโยบาย มีจำนวน 12 คน รวมทั้งเลขาธิการพรรคประจำซ่างไห่ด้วย
การดำรงตำแหน่งทางการเมืองในซ่างไห่ มักจะเป็นเส้นทางก้าวไปสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นในรัฐบาลกลาง คือตำแหน่งในคณะกรรมาธิการผู้กำหนดนโยบายของพรรคคอมมิวนิสต์จีน (Politburo Standing Committee ) ซึ่งได้รวมตัวเป็นกลุ่มอำนาจในรัฐบาลกลาง เรียกว่า กลุ่มซ่างไห่ (Shanghai Clique)
ซ่างไห่ แบ่งพื้นที่การปกครองออกเป็น 16 เคาน์ตี
5.เศรษฐกิจ
ซ่างไห่ ได้รับการขนานนามว่า เป็น “เมืองสัญลักษณ์ที่แสดงความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจของจีน (showpiece of the booming economy of China) ดังจะเห็นได้จากภูมิทัศน์ของเมืองที่เต็มไปด้วยตึกระฟ้า (skyscrapers) เป็นจำนวนมาก โดยซ่างไห่เป็นเมืองที่มีจำนวนตึกระฟ้ามากเป็นอันดับที่ห้าของโลก
ซ่างไห่ เป็นศูนย์กลางของโลกในด้านการเงินและนวัตกรรม (global center of finance and innovation) นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางของประเทศในด้านการค้าและการคมนาคม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การขนส่งทางน้ำ ท่าเรือ เซี่ยงไฮ้ นับเป็นท่าเรือที่มีตู้บรรทุกสินค้าหนาแน่นที่สุดในโลก
เมื่อปี 2020 เซี่ยงไฮ้มีขนาดจีดีพีโต 634 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 3.85 % ของขนาดจีดีพีทั้งประเทศ ในขณะที่มีรายได้เฉลี่ยต่อหัว 22,186 ดอลลาร์สหรัฐ
อุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดของเซี่ยงไฮ้มีอยู่ 6 อย่าง คือ การค้าปลีก ไอที การค้าอสังหาริมทรัพย์ การผลิตเครื่องจักร และการผลิตรถยนต์ ซึ่งคิดเป็นครึ่งหนึ่งของขนาดจีดีพีของเซี่ยงไฮ้
เมื่อปี 2019 รายได้เฉลี่ยของผู้อาศัยอยู่ในเซี่ยงไฮ้ราว 9,808 ดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ซ่างไห่เป็นเมืองที่ร่ำรวยที่สุดเมืองหนึ่งในจีน แต่ก็เป็นเมืองที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดในจีน
เมื่อปี 2017 ซ่างไห่เป็นเมืองที่มีจำนวนมหาเศรษฐีพันล้านมากเป็นอันดับสองของจีน รองลงมาจากปักกิ่ง คาดหมายว่า ในปี 2035 ขนาดจีดีพีของซ่างไห่จะเติบโตถึง 1.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงที่สุดในจีน และจะติดอันดับเมืองใหญ่ที่สุดในโลก 5 อันดับแรก ตามขนาดจีดีพี
การเงิน
ซ่างไห่ เป็นศูนย์กลางการเงินของโลก จัดเป็นอันดับหนึ่งของกลุ่มประเทศโซนเอเชียและโอเชียเนีย (Asia& Oceania region) และเป็นอันดับที่สามของโลก รองลงมาจากนิวยอร์ก และลอนดอน ทั้งนี้เป็นไปตาม Global Financial Centers Index ตีพิมพ์ครั้งที่ 28 เมื่อปี 2020 นอกจากนี้ ซ่างไห่ ยังเป็นศูนย์กลางด้านอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของจีนและโลก และเป็นที่ตั้งอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของกลุ่มสตาร์ทอัพที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (large startup ecosystem)
ในด้านตลาดหุ้น เมื่อปี 2019 ตลาดหุ้นช่างไห่ ได้กลายเป็นตลาดหุ้นที่ใหญ่ที่สุดในจีน และมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสี่ของโลก โดยเมื่อปี 2017 ซ่างไห่มีสถาบันการเงินจำนวน 1,491 แห่ง ในจำนวนนี้เป็นสถาบันการเงินของต่างประเทศจำนวน 251 แห่ง
นอกจานี้ ซ่างไห่ยังเป็นเมืองแรกที่เป็นเมืองทดลองการเปิดการค้าเสรีบนจีนแผ่นดินใหญ่ โดยมีการนำการปฏิรูปหลายอย่างมาใช้เพื่อเป็นสิ่งดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ
การผลิตสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภค (Manufacturing)
ในฐานะเป็นศูนย์กลางด้านอุตสาหกรรมที่สำคัญแห่งหนึ่งของจีน ซ่างไห่ มีบทบาทสำคัญในด้านผลิตสินค้าเพื่อการอุปโภคและบริโภค และอุตสาหกรรมหนักภายในประเทศ รวมทั้งเป็นแหล่งผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดของจีน ผู้สร้างเรือ และผู้ผลิตรถยนต์
การท่องเที่ยว
การท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญอย่างหนึ่งของซ่างไห่ อย่างเช่น เมื่อปี 2017 จำนวนนักท่องเที่ยวภายในประเทศได้เพิ่มขึ้น 7.5% คิดเป็นจำนวน 318 ล้านคน ในขณะที่นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น 2.2 % คิดเป็นจำนวน 8.73 ล้านคน
เมื่อปี 2017 ซ่างไห่เป็นเมืองที่มีรายได้จากนักท่องเที่ยวสูงที่สุดในโลก และคาดหมายว่า จะเป็นเช่นนี้อีกต่อไปจนถึงปี 2027 ทั้งนี้เมื่อปี 2017 ในซ่างไห่มีโรงแรมระดับห้าดาวจำนวน 33 แห่ง มากเป็นอันดับ 7 ของโลก และต่อมาเมื่อปี 2019 ซ่างไห่กลับมีโรงแรมห้าดาวเพิ่มขึ้นเป็น 71 แห่ง โรงแรมสี่ดาว จำนวน 61 แห่ง หน่วยงานด้านการท่องเที่ยว จำนวน 1,758 แห่ง สถานที่ท่องเที่ยวติดอันดับจำนวน 113 แห่ง และสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวชอบเป็นพิเศษ จำนวน 34 แห่ง (red tourist attraction)
6.การศึกษา
ซ่างไห่ เป็นศูนย์กลางนานาชาติในด้านการวิจัยและการพัฒนา อยู่ในอันดับ 5 ของโลก และเป็นอันดับสองของโซนเอเชียและโอเชียนเนีย รองลงมาจากปักกิ่ง นอกจากนี้ ยังเป็นศูนย์กลางของการศึกษาระดับสูงของจีน ดังจะเห็นได้จากเมื่อสิ้นปี 2019 ซ่างไห่มีมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยจำนวน 64 แห่ง
มหาวิทยาลัยของจีนที่ติดอันดับโลก มีอยู่หลายแห่งที่ตั้งอยู่ในซ่างไห่ และบางมหาวิทยาลัยมีโครงการร่วมกับมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก เช่น มหาวิทยาลัยฟูดาน (Fudan University) ร่วมกับมหาวิทยาลัยวอชิงตัน และมหาวิทยาลัย เซี่ยงไฮ้ เจีย ตง (Shanghai Jiao Tong University) ร่วมกับมหาวิทยาลัยมิชิแกน แห่งสหรัฐอเมริกา เป็นต้น
7.การคมนาคมขนส่ง
ระบบการคมนาคมขนส่งสาธารณะของซ่างไห่ ถือว่าเป็นระบบที่ครอบคลุม ประกอบด้วย รถไฟฟ้าใต้ดิน รถโดยสารประจำทาง เรือข้ามฟาก แท็กซี่ ทั้งหมดนี้สามารถใช้ตั๋วโดยสารร่วมกัน (Shanghai Public Transport Card)
ซ่างไห่ มีโครงข่ายรถโดยสารประจำทางที่ครอบคลุมมากที่สุดในโลก รวมทั้งมีระบบรถประจำทางไฟฟ้าที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่องมายาวนานเก่าแก่ที่สุดในโลก จำนวน 1,575 สาย คิดเป็นระยะทางรวมกันทั้งหมดยาว 8,997 กิโลเมตร
ในด้านถนนและทางด่วน ซ่างไห่ เป็นศูนย์กลางโครงข่ายทางด่วนขนาดใหญ่ของจีน
นอกจากนี้ ซ่างไห่ยังเป็นศูนย์กลางการคมนาคมทางอากาศที่ใหญ่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย โดยมีสนามบินพาณิชย์นานาชาติสองแห่ง
ยิ่งกว่านั้น การขนส่งทางเรือของซ่างไห่ ก็มีความสำคัญยิ่ง ดังจะเห็นได้จากท่าเรือนานาชาติของซ่างไห่สามารถเอาชนะท่าเรือสิงคโปร์ได้ในปี 2010 โดยเป็นท่าเรือที่มีตู้บรรทุกสินค้าหนาแน่นที่สุดในโลก อย่างเช่นเมื่อปี 2018 มีตู้บรรทุกสินค้าขนาดใหญ่จำนวน 42 ล้านตู้ มีเรือท่องเที่ยวจำนวน 259 ลำ และผู้โดยสาร จำนวน 1.89 ล้านคนในปี 2019
ซ่างไห่ เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหมทางน้ำ จากชายฝั่งทะเลจีนลงไปทางใต้ผ่านไปทางใต้ของอินเดียไปสู่เมืองของ Mombasa เพื่อเดินทางไปสู่ยุโรปผ่านทางทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
8.ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ซ่างไห่ เป็นเมืองที่มีความสัมพันธ์กับต่างประเทศหลายประเทศ ทั้งในแง่ของการเป็นที่ตั้งธนาคารของกลุ่มประเทศ BRICS การเป็นเมืองคู่แฝดและเมืองพี่เมืองน้อง และการเป็นที่ตั้งของสถานกงสุลใหญ่ของประเทศต่าง ๆ
ซ่างไห่ เป็นที่ตั้งของธนาคาร New Development Bank ซึ่งกลุ่มประเทศ BRICS เป็นผู้ก่อตั้งขึ้น
ในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซ่างไห่ได้เป็นเมืองคู่แฝดและเมืองพี่เมืองน้องกับหลายเมืองทั่วโลกรวมทั้ง กรุงเทพมหานคร เมื่อปี 2016
ยิ่งกว่านั้น ซ่างไห่ ยังเป็นที่ตั้งสถานกงสุลใหญ่ (Consulate general) จำนวน 71 แห่ง รวมทั้งสถานกงสุลใหญ่ของประเทศไทย และสถานกงสุลอีก จำนวน 5 แห่ง
9.สรุป
เซี่ยงไฮ้หรือซ่างไห่ เป็นเมืองท่าขนาดใหญ่ที่สำคัญของจีนและโลก ตั้งแต่อยู่ปากแม่น้ำแยงซีเกียง ที่ไหลลงทะเลจีนตะวันออก ซึ่งเป็นชายขอบด้านตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก
มหานครเซี่ยงไฮ้ เป็นเมืองระดับโลกที่มีความสำคัญหลายด้านทั้งต่อจีนและต่อโลก ไม่ว่าจะเป็นการเงิน ธุรกิจและเศรษฐกิจ การศึกษา การวิจัย วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค การท่องเที่ยง วัฒนธรรม และการคมนาคมขนส่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา ท่าเรือ เซี่ยงไฮ้ ได้กลายเป็นท่าเรือที่มีตู้บรรทุกสินค้าหนาแน่นมากที่สุดในโลก
เนื่องจากมหานครเซี่ยงไฮ้ มีความเจริญรุ่งเรืองมาก จึงได้รับฉายาว่า เป็นมหานครปารีสแห่งตะวันออก
ผมเชื่อว่า คนไทยที่ได้มีโอกาสไปเที่ยวเมืองจีน ส่วนใหญ่คงได้เคยเที่ยวชมความเจริญก้าวหน้าและความยิ่งใหญ่ของมหานครแห่งนี้มาแล้วอย่างน้อยหนึ่งครั้ง
สำหรับข้อมูลหรือรายละเอียดเพิ่มเติมอื่น ๆ เกี่ยวกับมหานครเซี่ยงไฮ้ ขอเชิญท่านติดตามได้ในหัวข้อ ถาม-ตอบ สนุก กับดร.ชา 369 ท้ายบทความนี้
ถาม-ตอบ สนุก กับดร.ชา 369
ถาม-เซี่ยงไฮ้ ตั้งอยู่ในพื้นที่มณฑลอะไร
ตอบ-เซี่ยงไฮ้ตั้งอยู่ในพื้นที่มณฑลเจ้อเจียง ทางภาคตะวันออกของจีน แต่ไม่ได้ขึ้นต่อมณฑล มีฐานะเทียบเท่ามณฑล ขึ้นตรงต่อรัฐบาลกลาง โดยตั้งอยู่ที่ปากแม่น้ำแยงซีเกียง และมีแม่น้ำหวงผู่ ไหลผ่านกลางเมือง
ถาม-แม่น้ำแยงซีเกียงมีความสำคัญอย่างไร
ตอบ-แม่น้ำแยงซีเกียง หรือแม่น้ำแยงซี หรือแม่น้ำฉางเจียง เป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดในทวีปเอเชีย และยาวเป็นอันดับที่ 3 ของโลก มีความยาว 6,300 กิโลเมตร (ส่วนแม่น้ำยาวที่สุดของโลก คือแม่น้ำไนล์ ในทวีปแอฟริกา รองลงไปคือแม่น้ำอะเมซอนในทวีปอเมริกาใต้) ต้นน้ำอยู่ที่มณฑลชิงไห่และทิเบต ซึ่งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของจีน ไหลมาทางทิศตะวันออกลงสู่ทะเลจีนตะวันออก
สำหรับแม่น้ำไนล์ มีความยาว 6,695 กิโลเมตร และแม่น้ำอะเมซอน มีความยาว 6,450 กิโลเมตร
ถาม-แม่น้ำหวงผู่ (Huangpu) มีความสำคัญอย่างไร

ตอบ-แม่น้ำหวงผู่หรือแม่น้ำผู่ เป็นแม่น้ำที่มนุษย์ขุดขึ้นมา มีความยาว 113 กิโลเมตร ไหลไปทางเหนือผ่านใจกลางเซี่ยงไฮ้ ทำให้เซี่ยงไฮ้ ถูกแบ่งออกเป็นสองฟาก คือฝั่งตะวันตก และฝั่งตะวันออก เป็นสาขาสุดท้ายของแม่น้ำแยงซีเกียง ก่อนที่จะไหลลงสู่ทะเลจีนตะวันออก
ฝั่งตะวันตก คือผู่ซี เป็นที่ตั้งศูนย์กลางเมืองเก่า ส่วนฝั่งตะวันออกคือผู่ตง เป็นที่ตั้งย่านการเงินลู่เจียจุ่ย ซึ่งมีชื่อเสียงระดับโลก
ถาม- ซ่างไห่ กับปักกิ่ง เมืองใดมีขนาดใหญ่กว่ากัน
ตอบ- การเปรียบเทียบว่า เมืองใดมีขนาดใหญ่กว่ากันนั้น คงต้องเปรียบเทียบกันในด้านขนาดพื้นที่ และจำนวนประชากร
ในด้านพื้นที่ ซ่างไห่มีพื้นที่รวม 7,038 ตร.กม. แยกออกเป็นพื้นที่ดิน 6,341 ตร.กม. และพื้นที่น้ำ 697 ตร.กม. ในขณะที่ปักกิ่งมีพื้นที่ 16,410.5 ตร.กม. แสดงว่า ปักกิ่งมีพื้นที่มากกว่าสองเท่าของซ่างไห่
ส่วนในด้านด้านประชากร ซ่างไห่ มีประชากรเมื่อปี จำนวน 24,870,895 คน มากที่สุดในจีน ในขณะที่ปักกิ่งมีประชากรเมื่อปี 2020 จำนวน 21,983,095 คน (อาศัยอยู่ในเมือง 21,450,000 คน) มากเป็นอันดับที่ 27 ของจีน
ถาม-ซ่างไห่ กับปักกิ่ง เมืองใดมีความเจริญมากกว่ากัน
ตอบ-การวัดความเจริญว่าเมืองใดมีความเจริญมากกว่ากัน อาจวัดกว้าง ๆ ได้จากขนาดจีดีพี และรายได้เฉลี่ยต่อหัว รวมทั้งดัชนีการพัฒนามนุษย์ และจำนวนมหาเศรษฐีที่อาศัยอยู่ในเมือง
ซ่างไห่ มีขนาดจีดีพี เมื่อปี 2020 จำนวน 634 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ มีรายได้เฉลี่ยต่อหัว 24,700 ดอลลาร์สหรัฐ และมีดัชนีการพัฒนามนุษย์เมื่อปี 2019 อยู่ที่ 0.873
ปักกิ่ง มีขนาดจีดีพี เมื่อปี2020 จำนวน 553.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ มีรายได้เฉลี่ยต่อหัว 25,832 ดอลลาร์สหรัฐ และมีดัชนีการพัฒนามนุษย์เมื่อปี 2019 อยู่ที่ 0.904
ส่วนด้านจำนวนมหาเศรษฐีพันล้านที่อาศัยอยู่ในเมือง ปักกิ่งได้ชื่อว่า เป็นเมืองหลวงของมหาเศรษฐีพันล้านของโลก ซ่างไห่มีจำนวนมหาเศรษฐีพันล้านเป็นอันดับสองของจีน และเป็นอันดับที่ 6 ของโลก
กล่าวโดยสรุปแล้ว ซ่างไห่ มีขนาดจีดีพีสูงกว่าปักกิ่ง กล่าวคือ ซ่างไห่มีจีดีพี 634 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนปักกิ่งมีจีดีพี 553.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนรายได้เฉลี่ยต่อหัว ปักกิ่งมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวสูงกว่าซ่างไห่ กล่าวคือ ปักกิ่งมีรายได้เฉลี่ยต่อหัว 25,832 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนซ่างไห่มีรายได้เฉลี่ยต่อหัว 24,700 ดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ดัชนีการพัฒนามนุษย์ ปักกิ่งมีดัชนีดังกล่าวสูงกว่าซ่างไห่ เล็กน้อย และด้านจำนวนมหาเศรษฐีพันล้าน ปักกิ่งมีมากกว่าซ่างไห่
ถาม-ทำไมจึงกล่าวว่า ซ่างไห่ เป็นเมืองสัญลักษณ์ที่แสดงความเจริญรุ่งเรืองทางด้านเศรษฐกิจของจีน (Showpiece of the booming economy of China)
ตอบ- การที่กล่าวว่า ซ่างไห่ เป็นเมืองสัญลักษณ์ที่แสดงความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจของจีนนั้น อาจดูได้จากสิ่งก่อสร้างในเมือง ซึ่งประกอบด้วยสถาปัตยกรรมหลากหลายสไตล์ การเป็นที่ตั้งธนาคารของกลุ่มประเทศ BRICS ที่เรียกชื่อว่า ธนาคารแห่งการพัฒนาใหม่ (New Development Bank) การเป็นที่ตั้งสถานกงสุลใหญ่ของประเทศต่าง ๆ มากกว่า 70 ประเทศ รวมทั้งการเป็นเมืองที่มีโครงข่ายรถไฟฟ้าใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดในโลก และการมีท่าเรือที่จำนวนตู้บรรทุกสินค้าที่หนาแน่นมากที่สุดในโลก
นอกจากนี้ ซ่างไห่ยังเป็นเมืองที่มีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ (events) ทั้งระดับชาติและนานาชาติ จำนวนมากเป็นประจำทุกปี เช่น Shanghai Fashion Week, Chinese Gran Prix, China Toy
ยิ่งกว่านั้น ซ่างไห่ยังเป็นเมืองที่มีรายได้จากนักท่องเที่ยวสูงที่สุดในโลก ดังจะเห็นได้จากมีโรงแรมระดับห้าดาวมากเป็นอันดับเจ็ดของโลก และการที่มีอาคารสูงที่สุดเป็นอันดับสองของโลก คือ หอคอยซ่างไห่ (Shanghai Tower)

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ซ่างไห่ได้เป็นเจ้าภาพจัดงานแสดงสินค้า China International Import Expo เป็นครั้งแรกของจีน ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าในรูปแบบสินค้านำเข้าระดับชาติเป็นครั้งแรกของโลก
ถาม-มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงที่ตั้งอยู่ในซ่างไห่ มีอะไรบ้าง
ตอบ-ซ่างไห่ ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางการศึกษาที่สำคัญแห่งหนึ่งของจีน ดังจะเห็นได้จากเมื่อปลายปี 2019 ซ่างไห่มีมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยมากถึง 64 แห่ง โดยมีมหาวิทยาลัยที่ได้รับการอันดับให้อยู่ในระดับสูงจำนวนหลายแห่ง เช่น
มหาวิทยาลัย ฟูดาน (Fudan University)
มหาวิทยาลัย ซ่างไห่ เจีย ตง (Shanghai Jiao Tong University)
มหาวิทยาลัยตงจิ (Tongji University)
มหาวิทยาลัยจีนตะวันออก (East China Normal University)
มหาวิทยาลัยซ่างไห่ (Shanghai University)
มหาวิทยาลัยการคลังและเศรษฐศาสตร์แห่งซ่างไห่ (Shanghai University of Finance and Economics)