บทความ (8) ทำไมการสั่งจิตใต้สำนึกจึงไม่ประสบความสำเร็จ จะกล่าวถึง ความนำ เหตุใดในการสั่งจิตใต้สำนึกจึงไม่ประสบความสำเร็จ เคล็ดลับในการสั่งจิตใต้สำนึกให้ประสบความสำเร็จ สรุป และปิดท้ายด้วยการคุยกับ ดร.ชา
อนึ่ง บทความก่อนหน้านี้ คือบทความ (7) ได้เล่าถึง การสั่ง จิตใต้สำนึก ตอน 2 ซึ่งเป็นคำแนะนำวิธีในการออกคำสั่งจิตใต้สำนึกจากภายในให้ได้ผล (กรุณาคลิกข้อความสีฟ้าเพื่อย้อนกลับไปอ่านบทความ)
Table of Contents
1.ความนำ
หลายท่านอาจจะเคยทดลองใช้การสั่งจิตใต้สำนึกเพื่อความสำเร็จและความสุขมาบ้างแล้ว อาจจะประสบความสำเร็จบ้าง ไม่ประสบความสำเร็จบ้าง
แท้ที่จริง การสั่งจิตใต้สำนึกเป็นเพียงการเริ่มต้นในการก้าวไปสู่ความสำเร็จ ลำพังการสั่งจิตใต้สำนึกอย่างเดียวไม่อาจจะนำเราไปสู่ความสำเร็จได้ จะต้องมีเหตุปัจจัยอย่างอื่นเกื้อหนุนด้วย เช่น ความเพียรพยายาม การตั้งเป้าหมายให้ถูกต้องและเหมาะสมกับศักยภาพของเรา
ดังนั้น บทความนี้จึงต้องการบอกเล่าให้ท่านทราบว่า ทำไมการสั่งจิตใต้สำนึกจึงไม่ประสบความสำเร็จ และจะแก้ไขอย่างไรจึงจะทำให้การสั่งจิตใต้สำนึกให้ประสบความสำเร็จได้ดังหวัง
2. ทำไมการสั่งจิตใต้สำนึกจึงไม่ประสบความสำเร็จ
การสั่งจิตใต้สำนึก เป็นเพียงการเริ่มต้นที่จะนำเราไปสู่ความสำเร็จ โดยลำพังการสั่งจิตใต้สำนึกอย่างเดียว จะไม่สามารถทำให้คนเราประสบความสำเร็จได้ จะต้องนำเหตุปัจจัยอย่างอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
สาเหตุที่ทำให้การสั่งจิตใต้สำนึกไม่ประสบความสำเร็จ พอจะสรุปได้ดังนี้

2.1 เกิดจากเข้าใจผิดในสาระสำคัญของการสั่งจิตใต้สำนึก
อาจจะมีบางคนเข้าใจว่า การสั่งจิตใต้สำนึกคือพลังวิเศษที่จะช่วยดลบันดาลให้ประสบความสำเร็จได้ด้วยตัวของจิตใต้สำนึกเอง จึงไม่ทำอะไรนอกจากการสั่งจิตใต้สำนึกอย่างเดียว เพื่อให้เข้าใจได้ชัดเจนขึ้น ขอให้ดูตัวอย่างข้างล่างนี้
ตัวอย่าง
ดำ ต้องการจะพูดภาษาอังกฤษในการติดต่อสื่อสารกับชาวต่างประเทศได้อย่างคล่องแคล่ว จึงได้สั่งจิตใต้สำนึกทุกวันว่า
“ขอให้ข้า ฯ เก่งภาษาอังกฤษ สามารถพูดกับชาวต่างชาติได้คล่องแคล่ว”
แต่ดำไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นอีกเลยในการฝึกฝนตนเองให้สามารถฟังและพูดภาษาอังกฤษให้คล่องแคล่วนอกเหนือจากการสั่งจิตใต้สำนึกอย่างเดียว
ขอถามว่า ถ้าเป็นเช่นนี้ ดำจะสามารถใช้ภาษาอังกฤษพูดคุยกับชาวต่างชาติได้คล่องแคล่วไหม
2.2 เกิดจากความเข้าใจผิดคิดว่าทำแค่นี้ก็พอแล้ว
บางคนคิดว่า ในเรื่องที่มีการแข่งขันสูง การสั่งจิตใต้สำนึกจะสามารถทำให้ตนชนะการแข่งขันได้ โดยไม่คิดจะหาทางแก้ไขจุดอ่อนของตนเองให้แข็งแกร่งเพียงพอที่เอาชนะคู่แข่งได้
ตัวอย่าง
แดง ทำงานรับราชการมาเป็นระยะเวลาเวลายาวนานพอสมควร เท่าที่ผ่านมาเขาประสบความสำเร็จด้วยดี ได้เงินเดือนขั้นพิเศษอยู่หลายครั้ง แต่ในที่สุดเขาได้เจริญก้าวหน้ามาถึงตำแหน่งที่เป็นคอขวด กล่าวคือ มีตำแหน่งว่างอยู่ 400 ตำแหน่ง แต่ผู้มีสิทธิเข้าแข่งขันมีถึง 5,000 คน
หากแดงวางกลยุทธ์ไว้แต่เพียงว่า ตั้งใจทำงานให้ดี สวดมนต์ไหว้พระทุกวัน บอกตัวเองว่า เราต้องได้รับการคัดเลือกให้เลื่อนระดับตำแหน่งในคราวนี้แน่
ถามว่า การที่แดงทำแค่นี้ จะทำให้เขาเอาชนะคู่แข่งที่มีอยู่ร่วม 5,000 คนได้ไหม
2.3 เกิดจากไม่รู้จักประเมินศักยภาพของตนเอง
บางคนเวลาได้อ่านประวัติบุคคลผู้ประสบความสำเร็จแล้วเกิดความประทับใจ คิดอยากเอาเป็นไอดอล(Idol) เลยคิดเอาง่าย ๆ ว่า เมื่อเขาทำได้ ฉันก็น่าจะทำได้โดยไม่ได้ประเมินศักยภาพของตนเองว่าอยู่ในระดับใด
ตัวอย่าง
เขียว เป็นคนธรรมดา ได้อ่านประวัติของมหาเศรษฐีระดับโลก เพื่อศึกษาว่า เขาทำกันอย่างไรจึงร่ำรวย หลังจากนั้น เขาจึงสั่งจิตใต้สำนึกว่า
“ ขอให้ข้า ฯ ร่ำรวยเหมือนมหาเศรษฐี ก. ”
นอกจากนี้ เขาก็เอาแนวทางของมหาเศรษฐี ก. หลายอย่างมาปฏิบัติตาม
คำถาม คือ การที่เขียวซึ่งเป็นคนธรรมดาสั่งจิตใต้สำนึกให้ตนร่ำรวยเหมือนมหาเศรษฐี ก.ซึ่งเป็นมหาเศรษฐีระดับโลก พร้อมกับยึดแนวทางหลายอย่างของมหาเศรษฐีคนดังกล่าวมาปฏิบัติด้วยจะมีโอกาสประสบความสำเร็จหรือไม่ เพียงใด
2.4 เกิดจากการอยากรวยแบบโชคช่วย คิดว่าจิตใต้สำนึกจะสามารถทำให้ตนได้รับโชคลาภก้อนใหญ่ได้
ตัวอย่าง
กระเช้า ไม่มีอาชีพการงานอะไรที่มั่นคง แต่ก็อยากจะร่ำรวยกับเขาบ้าง จึงเอาแต่สั่งจิตใต้สำนึกทุกวันว่า “ ขอให้ฉันถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง ” โดยหล่อนได้เจียดเงินจำนวนหนึ่งซื่อลอตเตอรี่ทุกงวด
คำถาม คือ การถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งเป็นเรื่องของโชคลาภ ไม่ใช่ความรู้ความสามารถ ปกติคนที่มีโชคลาภเท่านั้นจึงจะถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง การที่กระเช้าเอาแต่สั่งจิตใต้สำนึกอยู่ทุกวันว่า ขอให้ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง ท่านผู้อ่านคิดว่าจะมีความเป็นไปได้หรือไม่ มากน้อยเพียงใด
3.เคล็ดลับในการสั่งจิตใต้สำนึกให้ประสบความสำเร็จ
เพื่อให้ท่านผู้อ่านประสบความสำเร็จจากการสั่งจิตใต้สำนึก ผมมีข้อคิดและข้อเตือนใจในรูปแบบสมการและอสมการ ดังนี้

3.1 จิตใต้สำนึกไม่ใช่พลังวิเศษที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จได้โดยไม่ต้องลงมือกระทำ
การสั่งจิตใต้สำนึก + การกระทำ = ความสำเร็จ ❶
Subconscious mind + Action = Success
ตามสมการข้างต้น จะทำให้เราเห็นได้ชัดเจนว่า หากปราศจากการกระทำมีแต่การสั่งจิตใต้สำนึกอย่างเดียว ความสำเร็จจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้
หากสั่งจิตใต้สำนึกอย่างเดียว ทำให้คนเราประสบความสำเร็จเกิดขึ้นได้ คนขี้เกียจ เอาแต่งอเท้างอมือ คงได้ดิบได้ดีและเจริญก้าวหน้าเต็มบ้านเต็มเมือง ท่านผู้อ่านว่าจริงไหม
3.2 การสั่งจิตใต้สำนึกพร้อมกับการสร้างมโนภาพ จะมีพลังมากกว่า การสั่งจิตใต้สำนึกอย่างเดียว
(การสั่งจิตใต้สำนึก+การสร้างมโนภาพ) + การกระทำ ≥ การสั่งจิตใต้สำนึก+การกระทำ ❷
(Subconscious mind+ Imagination) + Action ≥ Subconscious mind+ Action
ตามอสมการข้างต้น แสดงให้เห็นว่า การสร้างมโนภาพพร้อมกับการสั่งจิตใต้สำนึก ย่อมมีพลังมากกว่า การสั่งจิตใต้สำนึกอย่างเดียวโดยไม่มีการสร้างมโนภาพด้วย ดังนั้น เวลาออกคำสั่งจิตใต้สำนึก ควรจะสร้างมโนภาพไปพร้อมกันด้วย
3.3การสร้างมโนภาพต้องเป็นเป้าหมายที่ชัดเจนและมีชีวิตชีวา เห็นแล้วทำให้จิตใจเกิดความฮึกเหิม อยากลงมือกระทำทันที
มโนภาพชัดเจนมีชีวิตชีวา ≥ มโนภาพคลุมเครือ ❸
Clear and Lively Imagination ≥ Vague Imagination
ตามอสมการข้างต้น แสดงให้เห็นว่า การสร้างมโนภาพ ควรจะสร้างให้ชัดเจนและดูมีชีวิตชีวา จะมีพลังมากกว่า การสร้างมโนภาพที่คลุมเครือ ไม่ชัดเจน
ข้อควรทราบ การกำหนดเป้าหมาย จะต้องกำหนดเวลาสิ้นสุดด้วย เช่น ภายใน 6 เดือน นับจากวันนี้
3.4 เป้าหมายต้องไม่สูงเกินไปจนรู้สีกว่าเกินความสามารถ หรือไม่ต่ำจนเกินไปจนรู้สึกว่า ไม่ท้าทาย (กรุณาคลิกข้อความสีฟ้า เพื่อย้อนกลับไปอ่านบทความ)
เป้าหมายไม่ใหญ่จนเกินไป ≥ เป้าหมายเล็ก ❹
Not too big goal ≥ Small goal
ตามอสมการข้างต้น แสดงให้เห็นว่า การตั้งเป้าหมายจะต้องไม่ใหญ่จนเกินไป แต่ต้องไม่ใช่เป้าหมายเล็ก เป้าหมายใหญ่จนเกินกำลังของเรา จะทำให้เราเกิดความท้อถอยก่อน ส่วนเป้าหมายเล็ก จะทำให้เรารู้สึกว่าง่ายจนเกินไป ไม่เกิดความรู้สึกท้ายทาย เลยไม่อยากจะลงมือทำ
3.5 การสั่งจิตใต้สำนึก มีไว้เพื่อให้กำลังใจตนเอง
ให้กำลังใจตนเอง ≥ ดูถูกตัวเอง ❺
To encourage yourself ≥ Insult yourself
หากต้องการประสบความสำเร็จและมีความสุข คนเราต้องรู้ให้กำลังใจตนเอง นั่นคือ การสั่งจิตใต้สำนึกให้ตัวเราเกิดความมุ่งมั่นที่จะเดินทางไปสู่จุดหมาย อย่าดูถูกหรือติเตียนตนเอง
การให้กำลังใจตนเองเป็นสิ่งสำคัญมากในการที่จะทำให้คนเรามีจิตใจเข้มแข็งพร้อมที่จะฟันฝ่าอุปสรรคใด ๆ ที่ขวางหน้าอยู่ หากเกิดความรู้สึกท้อถอยขึ้นมาเมื่อใด ขอให้ออกคำสั่งจิตใต้สำนึกเพื่อให้กำลังใจตนเอง เพื่อจะได้มีกำลังใจลุกขึ้นมาสู้ใหม่
อย่าดูถูกหรือติเตียนตนเอง เพราะการดูถูกหรือติเตียนตนเอง เท่ากับเป็นการซ้ำเติมตนเองให้ตกต่ำลงไปอีก
3.6 ความมุ่งมั่นเท่านั้นที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จ
การสั่งจิตใต้สำนึก+การสร้างมโนภาพ+การกระทำ+ความมุ่งมั่น = ความสำเร็จ ❻
Subconscious mind + Imagination + Action + Effort = Success
ตามสมการข้างต้นจะเห็นได้ว่า แม้มีการกระทำแล้ว แต่ถ้าขาดความมุ่งมั่น ความสำเร็จก็อาจจะไม่เกิดขึ้น เพราะเป้าหมายบางอย่างอาจจะยากจนเกินไปสำหรับตัวเรา ความสำเร็จจึงไม่อาจเกิดขึ้นโดยง่าย ดังนั้น นอกจากมีการกระทำแล้ว จำเป็นต้องมีความมุ่งมั่น ไม่ท้อถอย มีปัญหาอะไรก็แก้ไขไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะประสบความสำเร็จ
3.7 การสั่งจิตใต้สำนึก ต้องสั่งในขณะจิตใต้สำนึกตกอยู่ภาวะภวังค์ (Reverie) หรือภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่น โดยต้องเริ่มต้นด้วยการสั่งจิตใต้สำนึกให้รู้สึกผ่อนคลายก่อน (กรุณาคลิกข้อความสีฟ้าเพื่อย้อนกลับไปอ่านบทความ)
เวลาที่เหมาะสมในการสั่งจิตใต้สำนึกประจำวัน คือ เวลาก่อนนอน และเวลาหลังตื่น เพราะเป็นเวลาที่จิตมีความสงบเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว การออกคำสั่งจิตให้รู้สึกผ่อนคลายและตกอยู่ในภาวะภวังค์จึงทำได้ง่าย
การสั่งจิตใต้สำนึกครั้งหนึ่ง ไม่ควรสั่งหลายเรื่อง สั่งทีละเรื่องจะได้ผลดีกว่า
เวลาที่ใช้การสั่งจิตจะมากหรือน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับความรู้สึกในเวลาออกคำสั่ง หากรู้สึกสนุกและเพลิดเพลิน อาจจะใช้เวลาในการสั่งมากกว่า 30 นาที แต่ปกติจะใช้เวลาประมาณ 15-30 นาที
3.8 คำสั่งจิตใต้สำนึก ควรเป็นคำสั่งที่มีความหมายในด้านบวก ไม่ใช่ด้านลบ
การออกคำสั่งจิตใต้สำนึก ด้วยความหมายที่เป็นบวก จะทำให้จิตใต้สำนึกรู้สึกผ่อนคลาย และพร้อมจะรับคำสั่ง นำไปสร้างระบบอัตโนมัติของจิตขึ้นมาได้ง่าย
3.9 เมื่อสั่งจิตใต้สำนึกเสร็จในแต่ลุะครั้ง อย่าลืมปรับลมหายใจให้เป็นปกติ พร้อมกับการนับถอยหลัง 5-4-3-2-1
ในขณะที่เรากำลังสั่งจิตใต้สำนึก ปกติลมหายใจของเราจะแผ่วเบา เนื่องจากจิตกำลังตกอยู่ในภวังค์ ดังนั้น เมื่อต้องการจะหยุดการสั่งจิตใต้สำนึก จะต้องปรับลมหายใจให้เป็นปกติพร้อมกับการนับถอยหลัง 5-4-3-2-1
4.สรุป
บทความนี้ต้องการชี้ให้เห็นว่า การสั่งจิตใต้สำนึกที่ไม่ประสบความสำเร็จมีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง กล่าวโดบสรุปคือเกิดจากความเข้าใจผิดคิดว่าการสั่งจิตใต้สำนึกคือยาวิเศษที่จะสามารถทำให้คนเราประสบความสำเร็จได้โดยไม่ต้องลงมือทำจริง หรือถ้าลงมือทำจริงก็ไม่ต้องมีความมุ่งมั่นแต่อย่างใด
นอกจากชี้ยังได้นำเสนอเคล็ดลับบางประการในการที่จะทำให้การสั่งจิตใต้สำนึกประสบความสำเร็จ โดยได้นำเสนอในรูปแบบของสมการและอสมการ เพื่อให้เข้าใจได้อย่างชัดเจน
สำหรับความคิดเห็นเพิ่มเติม กรุณาติดตามได้ใน คุยกับดร.ชา ท้ายบทความนี้
คุยกับ ดร.ชา
บทความนี้คงจะเป็นบทความสุดท้ายในชุด เรื่องเล่า ประสบการณ์การสั่งจิตใต้สำนึกเพื่อความสำเร็จและความสุข ผมได้เชิญ คุณวิชา มาร่วมสนทนา
คุณวิชา (ชื่อสมมุติ) เคยร่วมงานกับผมเมื่อครั้งเป็นนายอำเภอแห่งหนึ่ง เมื่อหลายปีมาแล้ว เขาเป็นคนที่มีภาวะผู้นำดี โดยบุคลิกลักษณะ เขาน่าจะเจริญก้าวหน้าในอาชีพราชการมากกว่าที่เป็นอยู่
“คุณวิชาคงได้อ่านบทความชุดการสั่งจิตใต้สำนึกเพื่อความสำเร็จและความสุขที่อาจารย์ได้เขียนให้พวกเราอ่านกันมาบ้างแล้ว คุณวิชามองเห็นประโยชน์อะไรบ้างไหม” ผมถามกว้าง ๆ เพื่อไม่ให้คุณวิชารู้สึกอึดอัด
“ ผมได้อ่านแล้วก็อยากจะไปใช้ดู เผื่อจะสมหวังกับเขาบ้าง โดยเฉพาะในเรื่องการสอบเลื่อนระดับ แต่ไม่ทราบว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี ” คุณวิชาตอบเหมือนคนยังจับต้นชนปลายไม่ถูก
“ เอาอย่างนี้ อาจารย์จะชี้แนะให้ เริ่มต้นให้เราถามตัวเองก่อนสัก 2 คำถาม คำถามแรก คือ เราต้องการจะเจริญก้าวหน้าต่อไปไหม คำถามที่สอง ถ้าต้องการ ให้ถามตนเองต่อไปว่า หากเราต้องการจะเดินทางไปสู่จุดนั้น เราต้องทำอย่างไรบ้างโดยต้องแตกต่างไปจากการกระทำเดิม ๆ ของเรา
ต่อจากนั้น ให้เอาเป้าหมายที่เราต้องการพร้อมกับวิธีการที่จะนำให้เราไปสู่ความสำเร็จมาสร้างใช้การสั่งจิตใต้สำนึกพร้อมกับสร้างมโนภาพที่แจ่มชัดและมีชีวิตชีวา ” ผมชี้แนะอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้คุณวิชามองเห็นแนวทางได้อย่างชัดเจน
“ ทำไมต้องนึกสร้างภาพว่า เราจะต้องทำอะไรเพื่อไปสู่จุดหมาย คิดเฉพาะจุดหมายไม่ได้หรืออาจารย์ ” คุณวิชาถามเพื่อให้แน่ใจ
“ ถ้าคุณวิชา สร้างแต่ภาพเป้าหมาย แต่ไม่ได้สร้างภาพการกระทำของเราเพื่อไปสู่เป้าหมาย พอถึงเวลาคุณวิชาก็ไม่ได้ทำสิ่งที่ควรจะต้องทำ คุณวิชาก็จะผิดหวังอีก
อาจารย์ขอย้ำว่า ความสำเร็จเกิดจากการกระทำไม่ใช่แค่สร้างภาพ แต่การสร้างภาพจะเป็นการกระตุ้นให้เราลงมือทำจริง ๆ เพื่อให้ก้าวไปสู่ความสำเร็จได้ยังไง ” ผมตอกย้ำให้คุณวิชาเข้าใจ
“ การคิดวิธีการหรือกลยุทธ์ใหม่ ๆ ในการจะก้าวไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมาย หมายความว่าหากจะเรียกตามศัพท์แสงยุคนี้ ก็คือ คุณวิชาได้รับราชการมาหลายปี มีความเจริญก้าวหน้าภายใต้โอลด์ นอร์มอล (Old normal) ซึ่งทำให้คุณวิชามีความเจริญก้าวหน้าในราชการมาเป็นลำดับนับตั้งแต่ได้รับราชการมา แต่ความก้าวหน้าภายในโอลด์ นอร์มอล การแข่งขันไม่มาก คุณวิชาจึงเจริญก้าวหน้าขึ้นมาได้ ”
ผมขยายความให้คุณวิชาเข้าใจชัดเจนขึ้น
“ ผมพอจะเข้าใจเรื่องโอลด์ นอร์มอล ว่าเหมาะสำหรับบริบทที่มีการแข้งขันไม่มาก และถ้ามีการแข่งขันมากอย่างทุกวันนี้ ผมควรจะทำอย่างไรจึงจะประสบความสำเร็จกับเขาบ้าง ” คุณวิชาอดใจถามไม่ได้
“นับจากบัดนี้เป็นต้นไป หากคุณวิชายังมีความต้องการเจริญก้าวหน้าในอาชีพรับราชการ คุณวิชาจะต้องเจริญก้าวหน้าด้วย นิว นอร์มอล (New normal) เพราะบริบทได้เปลี่ยนไปแล้ว กลยุทธ์ของเราก็ต้องเปลี่ยนด้วย มิฉะนั้น เราก็จะไม่มีทางประสบความสำเร็จได้ พูดง่าย ๆ ก็คือ ในเมื่อกติกาการแข่งขันเปลี่ยนแปลงไป เราก็ต้องเตรียมตัวด้วยกลยุทธ์ใหม่ ๆ ที่เราไม่เคยใช้มาก่อน ให้สอดคล้องกับกติกาใหม่ที่เราจะต้องเผชิญในโลกแห่งความเป็นจริง ซึ่งเป็นกติกาท้าทายความรู้ความสามารถของเราเป็นอย่างมาก
อาจารย์คิดว่า คุณวิชารับราชการมาก็ไม่น้อย คงจะเข้าใจที่อาจารย์พูดดีนะ” ผมขยายความแบบให้คุณวิชารู้จักคิดเองบ้าง
“ อ๋อ ถ้ายังงั้น ผมพอจะเข้าใจแล้ว คราวนี้ถ้ามีโอกาสเข้าแข่งขัน ผมจะไม่ให้พลาดเหมือนครั้งที่แล้วมา ต้องขอบคุณอาจารย์มากที่กรุณาชี้แนะแนวทาง ” คุณวิชาตอบขอบคุณผมแบบคนเริ่มมีความหวังอีกครั้ง
“ โชคดีนะ คุณวิชา มีอะไรคืบหน้า ส่งข่าวบ้างนะ อาจารย์เอาใจช่วยเสมอ ” ผมกล่าวอวยพรปิดท้ายด้วยความปรารถนาดีจริง ๆ
หนูอยากเป็นผู้โชคดีถูกลอตเตอรี่รางวัลที่1 แต่ไม่ค่อยซื้อเพราะซื้อแล้วไม่ถูก เสียดายเงินค่ะ
อยากถูกลอตเตอรี่แต่ไม่ซื้อ ไม่สอดคล้องกับหลักการจิตใต้สำนึกค่ะ
ถ้าอยากถูกรางวัลต้องซื้อทุกงวดค่ะ
ถึงซื้อทุกงวด หรือแม้แต่ซื้อหมดแผง ถ้าคนไม่มีโชค อย่าว่าแต่รางวัลที่หนึ่งเลย แค่เลขท้าย 2 หรือ 3 ตัว ก็ยังยากที่จะถูก
อยาถูกรางวีลที่ 1 เช่นดันค่ะ
อาจารย์เองก็อยากจะถูกรางวัลใหญ่กับเขาเหมือนกัน เท่าที่ผ่านมาเคยถูกรางวัลเลขท้าย 2 ตัวไม่กี่ครั้ง