บทความ “ประโยชน์ ของการศึกษาประวัติบุคคลผู้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง ” เป็นบทความลำดับที่ 7 ของหมวด เรื่องเล่า ความฝัน และความสำเร็จ ” มีหัวข้อในการเล่า ดังนี้ ความนำ ประโยชน์ของการศึกษาประวัติบุคคลผู้ประสบความสำเร็จ ข้อมูลเบื้องต้นของประเทศเยอรมัน ประวัติทั่วไปของ แองเจลา เมอร์เคล ประวัติทางการเมืองของเมอร์เคล นโยบายทางการเมืองภายในประเทศ นโยบายทางการเมืองระหว่างประเทศ สรุป และคุยกับดร.ชา
Table of Contents
1. ความนำ
เมื่อวันศุกร์ที่ 29 มกราคม 2564 นางแองเจลา เมอร์เคล (Angela Merkel) นายกรัฐมนตรีเยอรมัน ได้เปิดการประชุมใหญ่พรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียน (Christian Democrat Union:CDU) ซึ่งเป็นพรรคการเมืองขวาสายกลาง (center-right) เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่เตรียมการสืบทอดต่อ หลังจากที่เมอร์เคลได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาแล้วสี่สมัย รวมระยะเวลา 16 ปี ทั้งนี้เพราะเมอร์เคลได้ประกาศเมื่อสองปีที่ผ่านมาว่า จะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งในสมัยที่ห้า
เมอร์เคลได้ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อปีค.ศ.2005 ซึ่งเป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง เพราะเป็นปีที่จีนได้ก้าวขึ้นเป็นประเทศมหาอำนาจอีกประเทศหนึ่ง ในขณะทีมีการใช้มือถือกันอย่างแพร่หลาย
ตลอดระยะเวลา 16 ปีของการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมันซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในสหภาพยุโรป เมอร์เคลได้นำพาเยอรมันและสหภาพยุโรปฝ่าวิกฤตทางเศรษฐกิจหลายครั้ง และครั้งล่าสุด คือวิกฤตโรคระบาดโควิด-19
ตลอดระยะเวลาสี่สมัยของการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมัน เมอร์เคลมีผลงานที่โดดเด่นหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การลดอัตราว่างงานให้น้อยลงจนมีอัตราต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ การกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำ การสร้างงบประมาณแบบสมดุล และการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่ที่ได้ผลอย่างจริงจัง (drastic increase in the use of renewal energy)
ในโอกาสที่เมอร์เคลประกาศวางมือทางการเมือง ผมคิดว่า น่าจะนำเรื่องราวของ เมอร์เคลในแง่มุมต่าง ๆ มาเล่าให้ท่านทราบ บางทีอาจจะทำให้ท่านเกิดแรงบันดาลใจ และได้ข้อคิดดี ๆ บางประการ
2.ประโยชน์ของการศึกษาประวัติบุคคลผู้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง
บุคคลทุกสาขาอาชีพ ย่อมมีผู้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง ที่จะทำให้ผู้อื่นถือเอาเป็นแบบอย่างได้ ดังนั้น การศึกษาประวัติบุคคลผู้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง ย่อมจะทำให้ผู้สนใจได้รับประโยชน์ ดังนี้
2.1 ได้ตัวบุคคลผู้เป็นต้นแบบ (Idol)
การมีบุคคลผู้เป็นต้นแบบในการประกอบอาชีพในแต่ละอาชีพ เป็นสิ่งที่ดีและมีประโยชน์เป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นอาชีพหมอ วิศวกร นักกฎหมาย นักปกครอง นักกีฬา นักธุรกิจ หรือแม้แต่นักการเมือง ที่อาจจะหาได้ยากในบ้านเรา
หากเราต้องการจะเลือกประกอบอาชีพอะไร ขอให้ศึกษาประวัติของบุคคลผู้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งในอาชีพนั้น เพื่อนำมาใช้เป็นแนวทางในการเจริญรอยตาม เพราะจะทำให้เราประหยัดเวลาหรือใช้เป็นเส้นทางลัด ไม่ต้องเสียเวลาไปทดลองหรือทดสอบด้วยตนเอง
2.2 ได้องค์ความรู้ใหม่ไปใช้ประโยชน์
แม้เราจะไม่ได้คิดยึดถืออาชีพตามบุคคลผู้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง แต่เราก็จะได้ข้อคิดหรือหลักคิดดี ๆ จากผู้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง มาประยุกต์ใช้เป็นแนวทางในดำรงชีวิตหรือใช้เป็นแนวทางในการแนะนำผู้ใกล้ชิด เช่น บุตรหลาน เพื่อนร่วมงาน
2.3 ใช้ความสำเร็จของบุคคลดังกล่าว สร้างแรงบันดาลใจ
การที่ได้ศึกษาประวัติบุคคลประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง ย่อมทำให้เกิดแรงบันดาลใจให้ตัวเราหรือผู้ใกล้ชิดให้อยากเป็นผู้ประสบความสำเร็จกับเขาบ้าง
2.4 ได้ทราบเคล็ดลับหรือเบื้องหลังความสำเร็จ
การได้ศึกษาประวัติผู้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง จะทำให้เราทราบเคล็ดลับหรือเบื้องหลังความสำเร็จของบุคคลนั้นว่า มีปัญหาอุปสรรคอะไร และเอาชนะปัญหาอุปสรรคได้อย่างไร
ทุกความสำเร็จที่สำคัญ ล้วนแล้วแต่มีเคล็ดลับให้เราได้ศึกษา
3. ข้อมูลเบื้องต้นของประเทศเยอรมัน
การทราบข้อมูลเบื้องต้นของประเทศเยอรมัน จะทำให้เรามองเห็นความรู้ความสามารถของเมอร์เคลในฐานะนายกรัฐมนตรีเยอรมันสี่สมัย 16 ปีได้ชัดเจนขึ้น
3.1 ขนาดพื้นที่
เยอรมัน มีพื้นที่ 357,114 ตร.กม. ขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 62 ของโลก ใกล้เคียงกับพื้นที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีพื้นที่ 377,975 ตร.กม.
3.2 จำนวนประชากร
เยอรมัน มีประชากรเมื่อปี ค.ศ.2019 จำนวน 83,124,418 คน มากเป็นอันดับที่ 17 ของโลก ใกล้เคียงกับจำนวนประชากรของประเทศตุรกี ซึ่งมีจำนวน 82,340,088 คน
3.3 ขนาดจีดีพี
ขนาดเศรษฐกิจหรือจีดีพีของเยอรมัน ใหญ่เป็นอันดับสี่ของโลก รองลงมาจาก สหรัฐอเมริกา จีน และญี่ปุ่น โดยเยอรมันมีจีดีพี (nominal) เมื่อปี ค.ศ.2019 ตามข้อมูลของธนาคารโลก 3,845,630 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
3.4 รายได้ประชากรเฉลี่ยต่อหัว (Per capita income)
ตามข้อมูลของธนาคารโลก รายได้เฉลี่ยต่อหัว เมื่อปี 2019 คนเยอรมันมีรายได้เฉลี่ยต่อหัว จำนวน 46,259 ดอลลาร์สหรัฐ(หรือประมาณ 1,387,770 บาท ) นับสูงเป็นอันดับที่ 18 ของโลก ใกล้เคียงกับรายได้เฉลี่ยต่อหัวของคนแคนาดาเมื่อปีเดียวกัน ซึ่งมีจำนวน 46,195 ดอลลาร์สหรัฐ
4.ประวัติทั่วไปของเมอร์เคล
4.1 ชาติกำเนิด

แองเจลา โดโรเธีย เมอร์เคล ( Angela Dorothea Merkel) นามสกุลเดิม คือ Kasner เกิดเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ค.ศ.1954 ที่ฮัมบูร์ก (Humburg) เยอรมันตะวันตก มีเชื้อสายเยอรมัน-โปแลนด์ แต่พออายุได้ 3 เดือนต้องไปอยู่กับบิดา ที่เยอรมันตะวันออก
ผมขออธิบายสอดแทรกตรงนี้เล็กน้อยว่า ในยุคนั้นประเทศเยอรมัน ยังแบ่งออกเป็น 2 ประเทศ คือ เยอรมันตะวันตก และเยอรมันตะวันออก ประเทศเยอรมันตะวันตกมีการปกครองระบอบประชาธิปไตย ส่วนเยอรมันตะวันออกมีการปกครองระบอบคอมมิวนิสต์
4.2 การศึกษาและการงาน
เรียนจบปริญญาเอกด้านเคมีควอนตัม (Quantum Chemistry) จากสถาบันกลางด้านเคมีฟิสิกส์ ( Central Institute for Physical Chemistry Academy of Sciences) เมื่อปี ค.ศ.1986 และได้ทำงานเป็นนักวิจัยที่สถาบันดังกล่าว
4.3 ชีวิตครอบครัว
เมอร์เคล ได้แต่งงานสองครั้ง
ได้สมรสครั้งแรก เมื่อมีอายุ 23 ปี ปี 1973 กับนักศึกษาฟิสิกส์ ชื่อ ยูริก เมอร์เคล (Ulrich Merkel) แต่ได้หย่าขาดเมื่อปี 1982
นามสกุลเดิมของแองเจลา คือ Kasner ได้เปลี่ยนเป็น Merkel ตามนามสกุลของสามีคนแรก
การแต่งงานครั้งที่สอง แต่งกับ เจาคิม ซอเออร์ (Jouchim Sauer) ศาสตราจารย์ด้านเคมีควอนตัม เมื่อปีค.ศ.1998 ซึ่งไม่ค่อยปรากฏข่าวออกสื่อมากนัก ทั้งคู่ไม่มีบุตรด้วยกัน แต่สามีมีบุตรจากการสมรสครั้งก่อน 2 คน
4.5 ศาสนา
เมอร์เคล นับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ แบบอีแวนเจลิคัล (Evangelical church)
ผมขอขยายความตรงนี้ว่า ศาสนาคริสต์แบบอีแวนเจลิคัล มีหลักการอยู่ 4 ประการ คือ เน้นพระคริสตธรรมคัมภีร์ (Bible-centered) เน้นไม้กางเขน (Cross-centered) เน้นการเปลี่ยนแปลงจากจิตวิญญาณ (Conversion-centered) และเน้นการเคลื่อนไหวรณรงค์ (Activist)
4.6 ด้านอื่น ๆ
เมอร์เคลชอบกีฬาฟุตบอล แต่กลัวสุนัข เพราะเคยถูกสุนัขกัด เมื่อปีค.ศ.1995
5.ประวัติทางการเมือง
5.1 จุดเริ่มต้น
การพังกำแพงเบอร์ลิน (The Fall of the Berlin Wall ) เมื่อปีค.ศ.1989 คือ จุดเริ่มต้นชีวิตทางการเมืองของเมอร์เคล แม้เมอร์เคลจะไม่ได้เข้าร่วมเฉลิมฉลองกับฝูงชนในคืนที่กำแพงเบอร์ลินพัง แต่หลังจากนั้น หนึ่งเดือนต่อมา เมอร์เคลได้เข้าร่วมพรรคการเมืองที่เกิดใหม่ คือพรรคกำเนิดประชาธิปไตย(Democratic Awakening Party)
เมื่อปีค.ศ. 1990 ได้มีการเลือกตั้งครั้งแรกและครั้งเดียวของเยอรมันตะวันออก เมอร์เคลได้เป็นรองโฆษกรัฐบาล
ต่อมาเดือนเมษายน ค.ศ.1990 พรรคกำเนิดประชาธิปไตยได้รวมตัวเข้ากับพรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียนของเยอรมันตะวันออก และได้รวมกับพรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียนในเยอรมันตะวันตก หลังจากได้รวมเป็นประเทศเดียวกัน
5.2 การดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี
เมอร์เคล ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงสตรีและเยาวชน ระหว่างปีค.ศ.1991-1994
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อม ระหว่างปีค.ศ.1994-1998
5.3 การเป็นเลขาธิการพรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียน (Cristian Democratic Union-CDU) ระหว่างปี ค.ศ.1998-2000
5.4 การเป็นหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน ระหว่างปีค.ศ.2002-2005
ในช่วงนี้ เมอร์เคลให้ความสำคัญต่อการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับอเมริกา โดยได้สนับสนุนการบุกอิรักของอเมริกาเมื่อปีค.ศ.2003 แม้มหาชนจะคัดค้านก็ตาม
5.5 การเป็นนายกรัฐมนตรี สี่สมัยติดต่อกันระหว่างปี ปีค.ศ.2005-ปัจจุบัน
เมอร์เคล ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลผสม จำนวนสี่สมัยติดต่อกัน นับตั้งแต่ปี ค.ศ.2005-ปัจจุบัน
5.5.1 เป็นนายกรัฐมนตรีสมัยแรกปีค.ศ.2005-2009
5.5.2 เป็นนายกรัฐมนตรี สมัยที่สองปี ค.ศ. 2009 – 2013
5.5.3 เป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่สาม ปีค.ศ. 2013 – 2017
5.5.4 เป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่สี่ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2018-ปัจจุบัน
6.นโยบายการเมืองภายในประเทศ
6.1 นโยบายด้านผู้อพยพเข้าเมือง
เมื่อปีค.ศ.2015-2518 ยุโรปมีปัญหาผู้อพยพจากสงครามในซีเรีย เมอร์เคลต้องการให้มีการกระจายผู้อพยพจากอิตาลีและกรีซ กระจายไปยังประเทศสมาชิกอี.ยู เพื่อประสิทธิภาพในการจัดการปัญหาผู้อพยพในระยาว

6.2 การจัดการปัญหาโรคไวรัสโคโรนาระบาด (Coronavirus pandemic)
เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2020 เมอร์เคลกล่าวว่า สหภาพยุโรปกำลังเผชิญการทดสอบครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่ตั้งสหภาพยุโรปมา ดังนั้น รัฐสมาชิกของสหภาพยุโรปจะต้องแสดงความเป็นเอกภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถเผชิญปัญหาวิกฤตทางเศรษฐกิจที่เกิดจากโรคไวรัสโคโรนาระบาด
7.นโยบายการเมืองระหว่างประเทศ
7.1 นโยบายด้านต่างประเทศ
เมอร์เคลมีนโยบายในการสร้างความเข้มแข็งในการร่วมมือกันของยุโรป และการทำความตกลงในการค้าระหว่างประเทศ
เมอร์เคลได้ชื่อว่า เป็นผู้นำตัวจริงของสหภาพยุโรป ตลอดระยะเวลาการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมัน 16 ปี
เมื่อปี 2015 เมอร์เคล เป็นผู้นำเพียงคนเดียวที่ได้เข้าร่วมประชุม จี 20 ทุกครั้งนับตั้งแต่ปี 2008 โดยได้เข้าร่วมประชุมสุดยอดถึง 14 ครั้ง และเมื่อปี 2017 เยอรมันได้เป็นเจ้าภาพจัดประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศ จี 20 ณ เมืองฮัมบูร์ก
ผมขอขยายความคำว่ากลุ่มประเทศ จี 20
กลุ่มประเทศจี 20 เป็นที่ประชุมนานาชาติของรัฐบาลและผู้ว่าธนาคารกลางจาก 19 ประเทศและสหภาพยุโรป ตั้งขึ้นเมื่อปีค.ศ.1999 มีวัตถุประสงค์ในการอภิปรายถกเถียงนโยบายเพื่อส่งเสริมความมีเสถียรภาพทางด้านการคลังระหว่างประเทศ ผู้เข้าร่วมประชุมได้แก่หัวหน้ารัฐบาลหรือประมุขของรัฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และกลุ่มนักคิด (think tanks)
กลุ่มประเทศจี 20 มีขนาดเศรษฐกิจประมาณร้อยละ 90 ของมูลค่าผลิตภัณฑ์รวมของโลก หรือคิดเป็นร้อยละ 80 ของมูลค่าการค้าโลก หรือ สองในสามของจำนวนประชากรโลก และมีพื้นที่ประมาณครึ่งหนึ่งของโลก
นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2011 มีการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศ จี 20 เป็นประจำทุกปี
7.2 ความสัมพันธ์กับสหรัฐอเมริกา
เมอร์เคล ให้ความสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจตามแนวมหาสมุทรแอตแลนติก โดยได้ลงนามในข้อตกลงสภาเศรษฐกิจข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก (Transatlantic Economic Council )เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2007 ณ ทำเนียบขาว
เมอร์เคลมีความสัมพัน์อันดีกับประธานาธิบดีอเมริกายุค จอร์จ ดับเบิลยู. บุช และบารัก โอบามา โดยโอบามาได้ยกย่องเมอร์เคลว่า เป็นหุ้นส่วนระหว่างที่ประเทศที่ใกล้ชิดที่สุดในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี การที่โอบามาเดินทางไปกรุงเบอร์ลินเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2016 คล้ายกันเป็นส่งสัญญาณว่า ให้เมอร์เคลเป็นผู้นำของโลกเสรี ภายหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกา

แต่ในยุคประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ความสัมพันธ์ไม่สู้ดีนัก ดังคำกล่าวของเมอร์เคลภายหลังการประชุมสุดยอดจี 7 ที่อิตาลี และการประชุมสุดยอดนาโต(NATO) ที่กรุงบรัสเซลส์ เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2017 ว่า สหรัฐอเมริกาไม่ใช่หุ้นส่วนที่เชื่อถือได้ของยุโรปอีกต่อไป ดังนั้น ยุโรปจะต้องต่อสู้เพื่ออนาคตของตนเอง เพื่อเกียรติภูมิของชาวยุโรป แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไประหว่างสหรัฐอเมริกาและเยอรมัน
ผมขอขยายความคำว่า จี 7
กลุ่มประเทศจี 7 เป็นชื่อของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นแนวหน้าของโลก จำนวน 7 ประเทศ ประกอบด้วย แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ตั้งขึ้นเมื่อปีค.ศ.1997 เดิมมีสมาชิก 8 ประเทศ คือรวมรัสเซียด้วย แต่การที่รัสเซียบุกยึดคาบสมุทรไครเมียเมื่อปีค.ศ.2014 รัสเซียจึงถูกพักการเป็นสมาชิก
8. สถานะในเวทีนานาชาติ
ความสำเร็จของเมอร์เคล ตลอดระยะเวลาของการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมัน ทำให้ได้รับการยกย่องในระดับนานาชาติเป็นจำนวนมาก เช่น
8.1 เมอร์เคลเป็นที่ยอมรับในวงกว้างว่า เป็นผู้นำตัวจริงของสหภาพยุโรป ตลอดระยะเวลาของการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
8.2 นิตยสารฟอร์บส์ (Forbes) ได้ยกย่องเมอร์เคลว่า เป็นผู้มีอำนาจสูงที่สุดในโลกรองลงมาจากปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย จำนวนสองครั้ง นับเป็นอันดับสูงสุดสำหรับสตรีที่เคยได้รับ
8.3 เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2014 เมอร์เคลได้กลายเป็นหัวหน้ารัฐบาลซึ่งเป็นนักการเมืองที่ได้ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดในยุโรป
8.4 เมื่อเดือนธันวาคม 2015 เมอร์เคล ได้รับการยกย่องจากนิตยสารไทม์ ให้เป็นบุคคลแห่งปี (Person of the Year) พร้อมระบุที่หน้าปกว่า “นายกรัฐมนตรีของโลกเสรี (Chancellor of the Free World)
8.5 นิตยสารฟอร์บส์ ได้ยกย่องเมอร์เคลให้เป็นสตรีผู้มีอำนาจมากที่สุดในโลก (The most powerful woman in the world) เป็นประจำเกือบทุกปี นับแต่ปีค.ศ.2006
ขอขยายความการยกย่องสตรีที่มีอำนาจมากที่สุดในโลก
นับตั้งแต่ปีค.ศ.2004 นิตยสารฟอร์บส์ ได้จัดอันดับสตรีที่มีอำนาจมากที่สุดในโลกเป็นประจำทุกปี จำนวน 100 อันดับ โดยเมอร์เคลได้รับการจัดอันดับให้เป็นอันดับหนึ่งเกือบทุกปี นับตั้งแต่ปีค.ศ.2006 เป็นต้นมาจนกระทั่งปีล่าสุด ปี 2020 มียกเว้นเพียงปีเดียว คือ ปี 2010 ที่มีมิเชล โอบามา (Michelle Obama) สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของอเมริกาสอดแทรกเข้ามา
8.6 ภายหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกาปี 2016 นิตยสารไทมส์ได้ยกย่องว่า เมอร์เคล คือ ผู้ปกป้องโลกตะวันตกเสรี (The Liberal West’s Last Defender)
8.7 เมื่อปี 2017 ฮิลลารี คลินตัน (Hillary Clinton) อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ยกย่องเมอร์เคลว่า เป็นผู้นำสำคัญที่สุดของโลกเสรี (The most important leader of the free world)
เมอร์เคล เป็นผู้นำอาวุโสของจี 7
เมื่อปี 2018 นิตยสารแอตแลนติก (The Atlantic) ได้ยกย่องเมอร์เคลว่า เป็นนักการเมืองซึ่งยังมีชีวิตอยู่ที่ประสบความสำเร็จสูงสุด (The world’s most successful living politician)
เมื่อปี 2018 ผลการสำรวจพบว่า เมอร์เคล เป็นผู้นำโลกที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในระดับนานาชาติ )
เมื่อปี 2019 แลร์รี บาโคว์ Larry Bcow) ประธานมหาวิทยาลัยฮาร์วาดได้กล่าวว่า เมอร์เคล เป็นรัฐบุรุษในยุคสมัยของเราที่มีอิทธิพลและได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางมากที่สุดคนหนึ่ง
9.สรุป
บทความ ประโยชน์ ของการศึกษาประวัติผู้ประสบความสำเร็จอย่างสูงยิ่ง ต้องการจะชี้ให้เห็นว่า หากต้องการจะประสบความสำเร็จในอาชีพการงานใด ก็ควรจะเริ่มต้นด้วยการศึกษาประวัติของผู้ที่ประสบความสำเร็จมาก่อน เพื่อให้ได้แนวคิด หลักการ เคล็ดลับ การเอาชนะปัญหาอุปสรรค จากผู้ที่ประสบความสำเร็จนั้น ซึ่งจะทำให้เราเกิดแรงบันดาลใจในการจะต่อสู้ชีวิต
สำหรับบทความนี้ได้นำเรื่องราวของแองเจลา เมอร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมันสี่สมัยติดต่อกัน นับตั้งแต่ปี ค.ศ.2005-ปัจจุบัน มาเล่าให้ท่านทราบทั้งในแง่ชีวิตส่วนตัว ชีวิตการเมือง และความสำเร็จทางการเมืองต่าง ๆ จนได้รับการยกย่องไปทั่วโลก ตลอดระยะเวลาของการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมันสี่สมัย 16 ปี
สำหรับความคิดเห็นเกี่ยวกับเมอร์เคลในแง่มุมต่าง ๆ กรุณาติดตามได้ใน คุยกับดร.ชา ท้ายบทความนี้
คุยกับดร.ชา
คู่สนทนาของผมในวันนี้ คือ คุณหมอต๋อย
คุณหมอต๋อย เป็นประธานนักศึกษาปริญญาโท รามคำแหง เมื่อครั้งผมได้ไปสอนที่ศูนย์การเรียนรู้จังหวัดทางภาคเหนือ เมื่อหลายปีก่อน

“สวัสดีคุณหมอ วันนี้อาจารย์ต้องขอรบกวนเวลาการไปดูแลสวนลำไยของคุณหมอสักเล็กน้อย โดยเราจะคุยกันในเรื่องราวของแองเจลา เมอร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมัน 4 สมัยซ้อน ซึ่งได้ประกาศวางมือทางการเมืองไว้เมื่อสองปีก่อนว่า จะไม่ลงสมัครสมัยที่ห้า ” ผมทักทายแบบคนคุ้นเคยกัน
“ สวัสดีครับอาจารย์ ผมเองก็สนใจเรื่องราวชีวประวัติบุคคลสำคัญอยู่ เพราะเวลาอ่านแล้ว ทำให้ได้ข้อคิด และได้แรงบันดาลใจ ขอเชิญอาจารย์กำหนดประเด็นเลย ” คุณหมอต๋อย ตอบรับด้วยความกระตือรือร้น
“ในประเด็นแรก คงต้องคุยในเรื่องประวัติทั่วไปก่อนว่า การที่เมอร์เคล เรียนจบปริญญาเอกด้านเคมี ควอนตัมมาก่อนเข้าสู่วงการเมือง คุณหมอคิดว่า ส่งผลต่อการตัดสินใจทางการเมืองของเมอร์เคลในเวลาต่อมาอย่างไร ” ผมถามถึงเรื่องการศึกษาก่อน
“ ในความเห็นของผม คนที่เรียนมาทางวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรียนจบระดับปริญญาเอก เวลาจะตัดสินใจนโยบายสำคัญ ๆ จะต้องมีการวิเคราะห์โดยใช้ข้อมูลที่ถูกต้อง ก่อนตัดสินใจ จะไม่ใช้ความรู้สึกนำในการตัดสินใจเป็นอันขาด
ดังนั้น โอกาสจะตัดสินใจทางการเมืองในนโยบายที่สำคัญผิดพลาดคงจะน้อย ” คุณหมอต๋อย ตอบแบบคนที่จบมาทางวิทยาศาสตร์เช่นกัน
“ อาจารย์คิดว่า คุณหมอตอบตรงประเด็นแล้ว ขอข้ามไปประเด็นต่อไปเลยว่า แนวคิดหลักของเมอร์เคล ในการบริหารประเทศ น่าจะเป็นเรื่องใด” ผมถามประเด็นที่สอง
“ เท่าที่อ่านดูประวัติการทำงานของเมอร์เคล ผมเห็นว่า เมอร์เคลเน้นการทำงานแบบบูรณาการกับหุ้นส่วนเพื่อให้ได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน ไม่ใช่คิดจะเอาตัวรอดแต่ประเทศเยอรมัน เช่น การแก้วิกฤตหนี้สาธารณะของประเทศหลายประเทศในสหภาพยุโรปที่เกิดขึ้นในช่วงปี ค.ศ.2009-2014 เยอรมันได้เป็นตัวหลักในการแก้ปัญหาของประเทศสมาชิก จนสามารถแก้ปัญหาได้สำเร็จ
หรือกรณีเกิดวิกฤต มีผู้อพยพหนีภัยสงครามกลางเมืองจากซีเรียเข้ามายุโรปในช่วงปีค.ศ.2015-2018 เมอร์เคลเสนอให้ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป กระจายการรับผู้อพยพ ไม่ปล่อยให้ประเทศใดประเทศหนึ่งรับภาระอยู่ประเทศเดียว ทั้งนี้ เพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาบานปลายในอนาคต ” คุณหมอต๋อยตอบคนไม่ตกข่าว
“ ที่คุณหมอตอบมาในประเด็นนี้ เป็นการแสดงให้เห็นชัดเจนในเรื่องวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของ เมอร์เคล ได้เป็นอย่างดีนะ
ขอถามความเห็นประเด็นต่อไปเลยนะ การที่เมอร์เคล ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมันมาร่วม 16 ปี มีผลงานโดดเด่น จนได้รับการยกยกย่องจากสื่อ บุคคล หรือสถาบันต่าง ๆ มากมาย คุณหมอมองเรื่องนี้อย่างไร ” ผมถามถึงความรู้สึกในประเด็นที่สาม
“ในประเด็นนี้ ผมคิดว่า เมอร์เคล เป็นคนคงเส้นคงวา มีมาตรฐานที่สูงเป็นอย่างยิ่งในการกำหนดนโยบาย การตัดสินใจ และการบริหารงาน มิฉะนั้นแล้ว ผลงานจะไม่โดดเด่นต่อเนื่องกันทุกปี เป็นเวลายาวนานร่วม 16 ปี
แสดงให้เห็นว่า เมอร์เคล ต้องเป็นคนที่มีพลังจิตเข้มแข็ง และมีความมานะบากบั่นเป็นอย่างสูงยิ่ง ” คุณหมอต๋อยตอบด้วยความชื่นชม
“ อาจารย์เห็นด้วยกับคำตอบของคุณหมอในประเด็นนี้ คุณหมอมีมุมมองด้านอื่น ๆ บ้างไหม” ผมถามประเด็นสุดท้าย
“ ผมเคยอ่านทราบว่า เมอร์เคลอยู่กับสามีอย่างสมถะหรืออยู่อย่างพอเพียง คือ อาศัยอยู่ที่อพาร์ทเมนต์มาเป็นเวลาช้านานจนกระทั่งทุกวันนี้
ผู้นำประเทศที่จะใช้ชีวิตอย่างสมถะ หรืออย่างพอเพียงเช่นนี้หาได้ยากมาก น่าชื่นชมจริง ๆ ” คุณหมอต๋อยตอบตบท้าย
“ใช่ คนมีอำนาจ แต่ไม่ตกเป็นทาสของอำนาจ นับว่าหาได้ยากมาก เพราะเมื่อมีอำนาจ ก็ย่อมจะมีผลประโยชน์เข้ามายั่วยวนให้น้ำลาย หากใครทำได้ ก็ต้องยกย่องด้วยใจจริง ” ผมกล่าวเสริมคุณหมอต๋อยบ้าง
“ ผมจำคำบรรยายของอาจารย์ได้ดีที่ว่า การเมือง คือเรื่องของอำนาจและผลประโยชน์ ดังนั้น หากนักการเมืองคนใด พลังจิตไม่เข้มแข็งพอ และไม่มีความมานะบากบั่นที่จะทำตามอุดมการณ์ ก็ยากที่จะผ่านบททดสอบนี้

แต่เมอร์เคลผ่านบททดสอบนี้ได้ด้วยคะแนนสูงยิ่ง ดังปรากฏในคำยกย่องของสื่อ บุคคล และสถาบันต่าง ๆ มากมาย ” คุณหมอต๋อย กล่าวตอกย้ำอีกที
“ อาจารย์เห็นด้วยกับคุณหมอทุกประการ
วันนี้ เราคงคุยกันแค่นี้ ต้องขอขอบคุณ คุณหมอมาก ที่สละเวลาจากการไปทำสวนลำไย หากคุณหมอมีเรื่องความฝัน แรงบันดาลใจ และความสำเร็จ พอที่จะนำมาเล่าให้ท่านผู้อ่านทราบได้ ขอเชิญส่งมาลงในเว็บไซต์นี้ได้เสมอนะ
ขอให้ประสบความสำเร็จทั้งในหน้าที่การงาน และชีวิตส่วนตัวนะ มีโอกาสค่อยคุยกันใหม่ ” ผมกล่าวอวยพรและปิดการสนทนา
“ ขอบคุณมากครับ อาจารย์ ”
ดร.ชา
1/02/21
.
ขอบคุณอาจารย์ที่นำความรู้สร้างแรงบันดาลใจมาเขียนเป็นบทความ ให้กับบุคคลทั่วไปได้นำไปเป็นแนวทางในการดำเนินด้วยค่ะ
ด้วยความยินดีและเต็มใจ หวังว่า คุณนัดชาและท่านผู้อ่านคงจะได้ประโยชน์บ้าง
อยากเป็นคนประสบผลสำเร็จให้ศึกษาผู้ที่ประสบผลสำเร็จค่ะ
ใช่ ถ้าเราไม่ศึกษา จากผู้ประสบความสำเร็จ เราอาจจะเสียเวลาและเงินทอง เพราะหลงทาง
อาจารย์ได้ดูข่าว เกิดรัฐประหารในพม่าไหมคะ
นางอองซาน ซู จี เป็นผู้มีบทบาทในพม่า
ถูกทหารกักบริเวณบ้าง ถูกจับบ้าง
สหรัฐได้คว่ำบาตรบ้างแต่ทหารยังมีการรัฐประหารเกิดขึ้นอีก
อาจารย์มองเรื่องนี้ เป็นอย่างไรบ้างคะ ขอบคุณค่ะ
ก็แสดงว่า ประชาธิปไตยในพม่า ยังไม่ตกผลึก ทหารยังหาช่องว่างมาอ้างได้
น่าสนใจม่กค่ะ เหมือนเราเรียนลัดได้เลยค่ะ
ถูกต้องแล้ว