หัวข้อที่ผมจะนำมาเล่าประกอบด้วย ภูมิหลัง แนวคิดเบื้องต้น ประเภทของจิต การวิเคราะห์ปัญหาและการกำหนดเป้าหมาย หลักการเบื้องต้นของการฝึกสั่งจิตใต้สำนึก วัตถุประสงค์และประโยชน์ของการสั่งจิตใต้สำนึก การสั่งจิตใต้สำนึกจากายนอก การสั่งจิตใต้สำนึกจากภายใน การประเมินผลและการปรับเป้าหมาย สรุปและข้อคิดเห็น โดยในบทความ (5) เป็นการเล่าถึงการสั่งจิตใต้สำนึกจากภายนอก
สำหรับบทความ (6) ประสบการณ์การสั่งจิตใต้สำนึกฯ: การออกคำสั่งจิตใต้สำนึกจากภายใน ตอน1 จะกล่าวถึง ความหมายของการสั่งจิตใต้สำนึกจากภายใน การกำหนดเป้าหมาย การทำให้จิตตกอยู่ในภวังค์ สรุปและข้อคิดเห็น
Table of Contents
1.ความหมายของการสั่งจิตใต้สำนึกจากภายใน
การสั่งจิตใต้สำนึกจากภายใน หมายถึง การออกคำสั่งจิตพร้อมกับการสร้างจินตนาการในเป้าหมายที่เราต้องการบ่อย ๆ โดยมีขั้นตอนในการปฏิบัติ คือ การกำหนดเป้าหมาย การทำให้จิตตกอยู่ในภาวะภวังค์ การออกคำสั่งพร้อมสร้างมโนภาพ และการถอนจิตออกจากภาวะภวังค์
2.การกำหนดเป้าหมาย
ก่อนที่จะมีการฝึกสั่งจิตใต้สำนึก จำเป็นต้องมีการกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน มิฉะนั้นแล้ว พลังในการสั่งจิตใต้สำนึกก็คงจะไม่มีหรือมีน้อย โดยผมมีข้อแนะนำในการกำหนดเป้าหมาย ดังนี้
2.1ต้องเป็นเป้าหมายที่สามารถวัดความสำเร็จได้อย่างเป็นรูปธรรม ไม่เลื่อนลอย
เป้าหมายไม่ใช่แนวคิด แต่เป็นผลแห่งความสำเร็จที่สามารถจับต้องได้จริง ๆ อย่างที่เรียกว่า มองเห็นได้อย่างเป็นรูปธรรม ไม่ใช่นามธรรม
ตัวอย่างที่หนึ่ง
โครงการสร้างถนนสาย ก จะสร้างถนนไปให้ยาวที่สุด อย่างนี้เป็นการกำหนดเป้าหมายที่เลื่อนลอยหรือมีลักษณะเป็นนามธรรม เพราะไม่สามารถวัดได้ว่า ต้องสร้างถนนไปให้ยาวเท่าใดจึงจะเรียกว่า ยาวที่สุด
โครงการสร้างถนน สาย ข จะต้องถนนให้ได้ระยะทางยาว 100 กิโลเมตร ภายในปีงบประมาณ 2565 อย่างนี้ถือได้ว่า เป็นการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน เพราะสามารถวัดความสำเร็จได้อย่างเป็นรูปธรรม
ตัวอย่างที่สอง
ช้าง ได้กำหนดเป้าหมายว่า เพื่ออนาคตอันสดใสของครอบครัว จะต้องเก็บเงินในแต่ละเดือนให้ได้มากที่สุด อย่างนี้ ถือว่า เป็นการกำหนดเป้าหมายที่เลื่อนลอย เพราะไม่สามารถตอบว่า จะต้องเก็บเงินให้ได้เดือนละเท่าใด จึงจะเรียกว่า เก็บเงินได้มากที่สุด
ม้า ได้กำหนดเป้าหมายว่า เพื่ออนาคตอันสดใสของครอบครัว จ ะต้องเก็บเงินให้ได้อย่างน้อยเดือนละ 20,000 บาท หรือปีละ 240,000 บาท อย่างนี้ถือได้ว่า มีเป้าหมายที่ชัดเจน
2.2 ต้องเป็นเป้าหมายไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไปเมื่อเปรียบเทียบกับศักยภาพของตน

การกำหนดเป้าหมายโดยไม่พิจารณาศักยภาพของตนเองว่า มีขีดความสามารถอยู่ในระดับใด อาจจะทำให้การกำหนดเป้าหมายผิดพลาดได้ กล่าวคือ หากกำหนดเป้าหมายใหญ่เกินกว่าขีดความสามารถของเรามากจนเกินไป โอกาสที่จะไปสู่เป้าหมายที่กำหนดไว้ย่อมยากที่จะเป็นไปได้ ในที่สุดก็จะทำให้เกิดความท้อถอยหรือหมดกำลังจใจก่อน
ในทางตรงกันข้าม หากกำหนดเป้าหมายไว้เล็กกว่าศักยภาพที่แท้จริงของตนเองมากจนเกินไป ก็อาจจะทำให้เกิดความเฉื่อยชา ไม่กระตือรือร้น เพราะมองเห็นว่า เป็นความสำเร็จที่ได้มาไม่ยาก ไม่ท้าทาย
ตัวอย่าง
น้อย มีรายได้เดือนละ 50,000 บาท มีรายจ่ายประจำเดือนละ 35,000-40,000 บาท ได้ตั้งเป้าหมายจะเก็บเงินให้ได้เดือนละ 20,000 บาท น่าจะเป็นการตั้งเป้าหมายที่ใหญ่จนเกินไป ยากในการปฏิบัติ อาจจะทำให้เกิดความเครียด และเลิกล้มความตั้งใจในที่สุด
ใหญ่ มีรายได้เดือนละ 20,000 บาท มีรายจ่ายประจำเดือนละ 10,000 บาท ตั้งเป้าจะเก็บเงินให้ได้เดือนละ 2,000 บาท น่าจะเป็นการกำหนดเป้าหมายเล็กจนเกินไป ทำให้ขาดแรงจูงใจในการปฏิบัติ สุดท้ายก็คงปล่อยตามสบาย เก็บได้เท่าใดก็เท่านั้น เก็บไม่ได้ก็แล้วไป
2.3 ต้องเป็นเป้าหมายที่เราต้องการอย่างแท้จริง
การกำหนดเป้าหมายที่จะนำมาสร้างแรงจูงใจในการสั่งจิตใต้สำนึก ต้องเป็นเป้าหมายที่เราองต้องการอย่างแท้จริง มิใช่กำหนดเพื่อการทดสอบ เพราะถ้าไม่ใช่เป้าหมายที่เราต้องการอย่างแท้จริง จิตสำนึกกับจิตใต้สำนึกก็จะขัดแย้งกัน กล่าวคือ จิตสำนึกต้องการแค่ทดสอบดูเท่านั้น จิตใต้สำนึกก็จะไม่ยอมรับคำสั่งหรือไม่เชื่อว่า เราต้องการเช่นนั้นจริง จึงไม่อาจสร้างระบบอัตโนมัติของจิตขึ้นมาได้
ตัวอย่าง
ไตเติ้ล เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายสายวิทยาศาสตร์ มีผลการเรียนปานกลาง เกรดเฉลี่ย 2.5 เขาต้องการทดสอบว่า เขาจะสามารถเรียนให้ได้เกรด 3.5 ได้หรือไม่ แต่ความต้องการลึก ๆ ของเขาไม่มี ดังนั้น เขาจึงไม่ได้ทุ่มเทความพยายามแต่อย่างใด แค่เอาใจใส่และขยันเรียนมากกว่าเดิมเล็กน้อย เมื่อเป็นเช่นนี้ โอกาสที่ไตเติ้ลจะประสบความสำเร็จบรรลุเป้าหมายแทบจะไม่มีเลย
ไอซ์ เป็นนักศึกษาชั้นปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง มีผลการเรียนเกรดเฉลี่ย 3.0 ลุงได้ตั้งรางวัลไว้ว่า หากเรียนจบปริญญาตรีด้วยเกรดเฉลี่ย 3.5 จะซื้อรถยนต์ใหม่ยี่ห้อดังราคา 1,200,000 บาท ให้เป็นรางวัล ไอซ์มีความต้องการที่จะได้รถยนต์ใหม่ยี่ห้อดังเป็นรางวัลอย่างยิ่ง จึงทุ่มเทความพยายามอย่างเต็มที่ และในที่สุดก็ประสบความสำเร็จ โดยเรียนจบปริญญาตรีด้วยเกรดเฉลี่ย 3.6
การที่ไอซ์ประสบความสำเร็จก็เพราะมีพื้นฐานเป็นคนเรียนหนังสือเก่งอยู่แล้ว แต่ยังไม่ใช่เป็นคนขยันเรียนอย่างเต็มที่ เมื่อมีความต้องการอยากได้รถยนต์ใหม่ยี่ห้อดังที่ลุงตั้งไว้ให้เป็นรางวัล จึงทุ่มเทความพยายามอย่างเต็มที่และในที่สุดก็ประสบความสำเร็จ
2.4 ระยะเวลาในการบรรลุเป้าหมายต้องมีความเป็นไปได้และเหมาะสม
การทำงานทุกอย่าง ต้องมีการกำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จ หากกำหนดระยเวลาสั้นจนเกินไป ก็อาจจะทำไม่สำเร็จหรือยากที่จะเป็นไปได้ ในทางตรงกันข้าม หากกำหนดระยเวลาแล้วเสร็จไว้นานจนเกินไป ก็จะทำให้เกิดความเฉื่อยชา ไม่กระตือรือร้น เพราะคิดว่า ยังมีเวลาอีกมาก
ดังนั้น การกำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จตามเป้าหมาย ต้องมีความเป็นไปได้และพอเหมาะพอควร ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป
3.การทำให้จิตตกอยู่ในภาวะภวังค์
จิตใต้สำนึกจะสามารถรับคำสั่งจากจิตสำนึกได้ดี ต้องเป็นช่วงเวลาที่จิตใต้สำนึกตกอยู่ในภาวะภวังค์ คือ ภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่น ซึ่งเป็นภาวะที่จิตใต้สำนึกอยู่ในความเงียบสงบ การทำจิตตกอยู่ในภาวะภวังค์ อาจทำได้ดังนี้

3.1เลือกเวลาและสถานที่เหมาะสม
เวลาที่เหมาะสมได้แก่เวลาก่อนนอน และเวลาหลังตื่นนอนใหม่ ๆ ในตอนเช้า ซึ่งเป็นเวลาที่จิตสงบดีอยู่แล้ว
เวลาก่อนนอน เป็นเวลาที่เสร็จจากภาระกิจประจำวัน สมองจึงไม่วุ่นวาย ทำให้จิตสงบ
เวลาตื่นนอนใหม่ ๆ เป็นเวลาที่สมองยังไม่ต้องคิดอะไรมาก ทำให้จิตสงบ
ส่วนสถานทีที่เหมาะสม ปกติก็น่าจะเป็นห้องนอน หรืออาจจะเป็นห้องอื่นก็ได้ ที่เงียบสงบ ไม่มีคนรบกวน
3.2 การเตรียมร่างกาย
ให้นอนในท่าหงาย แขนทั้งสองวางข้างลำตัว มือทั้งสองคว่ำลง หรือหงายขึ้นก็ได้ หลับตาทั้งสองข้าง

3.3 การปรับลมหายใจ
ให้หายใจเข้าลึก ๆ และช้า ๆ ไปจนถึงท้อง แล้วจึงปล่อยลมหายใจออก อย่างที่เรียกว่า หายใจเข้าให้ท้องพอง และหายใจออกให้ท้องแฟบ ทำเช่นนี้ประมาณ 10-20 ครั้ง จะสามารถทำให้จิตสงบลงได้อีกระดับหนึ่ง
3.4 การออกคำสั่งผ่อนคลายร่างกาย
จะต้องกำหนดจิตไปตามร่างกายส่วนต่าง ๆ ตามลำดับพร้อมกับออกคำสั่งในใจซ้ำ ๆ ว่า ผ่อนคลาย ๆ ๆ ๆ จนครบทุกส่วนของร่างกาย ดังนี้
❶กำหนดจิตไว้ที่หน้าผาก ออกคำสั่งในใจ ว่า หน้าผากผ่อนคลาย ๆ ๆ ตาขวาผ่อนคลาย ๆ ๆตาซ้ายผ่อนคลายๆ ๆ ใบหูขวาผ่อนคลายๆ ๆ ใบหูซ้ายผ่อนคลายๆ ๆ ผ่อนคลายไปทั้งใบหน้า และสมองผ่อนคลาย
❷ กำหนดจิตมาที่ลำคอ ออกคำสั่ง ผ่อนคลายลำคอ
❸ กำหนดจิตที่ลำตัว ออกคำสั่งผ่อนคลายลำตำลงตามลำดับจนถึงบริเวณท้อง
❹กำหนดจิตที่ไหล่ขวา ออกคำสั่งผ่อนคลายลงไปตามแขนขวา จนถึงมือ และออกคำสั่งผ่อนคลายนิ้วมือขวาแต่ละนิ้ว
❺ กำหนดจิตมาที่ไหล่ซ้าย ออกคำสั่งผ่อนคลายลงไปตามแขนซ้าย มือ และนิ้วแต่ละนิ้ว เช่นเดียวกับไหล่ แขน มือ และนิ้วมือขวา
❻กำหนดจิตที่สะโพกขวา ออกคำสั่งผ่อนคลายสะโพกขวา เลื่อนลงไปตามขาขวาจนถึงเข่า ผ่านลงไปจนถึงข้อเท้า ออกคำสั่งผ่อนคลายนิ้วแต่ละนิ้ว
❼กำหนดจิตที่สะโพกซ้าย ออกคำสั่งผ่อนคลายสะโพกซ้าย ลงไปจนนิ้วเท้าแต่ละนิ้ว เช่นเดียวกับการสั่งผ่อนคลายสะโพก ขา และนิ้วเท้าข้างขวา
❽กำหนดจิตที่เท้าทั้งสอง สั่งให้ผ่อนคลายย้อนกลับขึ้นตามลำดับ ผ่านหัวเข่า สะโพกทั้งสอง ลำตัวแขนและหัวไหล่ทั้งสอง ลำคอ และใบหน้า จนถึงหน้าผาก
* เมื่อสั่งผ่อนคลายไปยังส่วนใดของร่างกาย จะรู้สึกว่ามีอาการชาตามร่างกายในส่วนนั้น
3.5 การออกคำสั่งให้จิตหลับลึก
เมื่อได้สั่งให้ผ่อนคลายตาม ❽ ย้อนกลับขึ้นไปจนถึงหน้าผาก ให้ออกคำสั่งซ้ำ ๆ ว่า หลับลึกลงไป ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ และเมื่อได้ดำเนินการมาถึงขั้นตอนนี้ จะรู้สึกว่า มีอาการชาไปทั่วร่างกาย แสดงว่า จิตใต้สำนึกของเราตกอยู่ในภาวะภวังค์แล้ว พร้อมที่จะรับคำสั่งแล้ว
4.สรุปและข้อคิดเห็น
การสั่งจิตใต้สำนึกจากภายใน หมายถึง การใช้จิตของเราจินตนาการสร้างภาพที่เป็นเป้าหมายแห่งความสำเร็จในในขณะที่จิตใต้สำนึกกำลังตกอยู่ในภาวะภวังค์หรือภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่น
การกำหนดเป้าหมายไม่ควรจะกำหนดให้มีขนาดใหญ่หรือขนาดเล็กจนเกินไป ต้องกำหนดพอเหมาะพอควร หากกำหนดเป้าหมายใหญ่จนเกินไป อาจจะทำให้เกิดความท้อถอยก่อน และหากกำหนดเป้าหมายขนาดเล็กจนเกินไป ก็อาจจะไม่ท้าทาย และขาดแรงกระตุ้น
การทำให้จิตใต้สำนึกตกอยู่ในภาวะภวังค์ จะต้องเลือกเวลาและสถานที่ที่เงียบสงบ ให้นอนท่าแบนราบ ปรับลมหายใจเพื่อทำให้ใจสงบในเบื้องต้น ต่อจากนั้นสั่งให้ทุกส่วนของร่างกายผ่อนคลายจนจิตใต้สำนึกตกอยู่ในภาวะภวังค์หรือครึ่งหลับครึ่งตื่น ซึ่งเป็นภาวะที่จิตใต้สำนึกพร้อมที่จะรับคำสั่งจากจิตสำนึก
หวังว่า ท่านผู้อ่านคงพอจะเข้าใจในเรื่องของการกำหนดเป้าหมายและการทำให้จิตใต้สำนึกตกอยู่ในภาวะภวังค์
พบกันใหม่ครั้งต่อไป “ การสั่งจิตใต้สำนึกจากภายใน ตอนที่ 2 ”
ดร.ชา
6/97/20
“หากบทความนี้ถูกใจท่าน และท่านมีความประสงค์จะสนับสนุนให้บทความนี้แพร่หลายออกไป กรุณามีส่วนร่วมด้วยการกดไลค์ กดแชร์ไปยังกลุ่มบุคคลหรือบุคคลในเครือข่ายของท่าน หรือแสดงความคิดเห็น รวมทั้งสมัครเป็นผู้ติดตามได้ตามอัธยาศัย และขอขอบคุณทุกท่านเป็นอย่างสูงไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย
กรุณาดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในเพจ การสมัครเป็นผู้ติดตามและการมีส่วนร่วม ของเว็บไซต์นี้ คือ รวมเรื่องเล่า สนุกและสร้างสรรค์ ชุดประสบการณ์นักปกครองที่น่าสนใจ (https://tridirek.com) “
หนูเคยตั้งเป้าหมายต้องการเงินไปรักษาฟันหน้าที่หัก เป็นเป้าหมายเลื่อนลอย แต่เกิดขึ้นจริง 10ปีต่อมามีเงินไปทำฟันหน้า ค่ะ
การสะกดจิตที่อาการเขียนมี 8ขั้นตอน หนูซื้อคลิปจากโค้ช ในราคา1,999บาท ให้ใส่สิ่งที่เราต้องการ เมื่อจิตผ่อนคลาย ยิ่งฟังบ่อยยิ่งดี แต่ไม่เกิดผล เพราะหนูขอเงิน 1,000,000บาท จิตยังไม่เชื่อเป็นเป้าหมายใหญ่เกินไปค่ะ
ขอบคุณบทความอาจารย์ หนูจะไปแก้ไข เป้าหมายของตัวเองด้วยค่ะ
ผมคิดว่า คุณณัชชาน่าจะเข้าใจผิดเป็นอย่างมาก การฝึกสั่งจิตใต้สำนึก ไม่ใช่เพื่อให้นอนคิดนอนฝันเฉย ๆ แล้วร่ำรวย ไม่ใช่นะ เขาฝึกเพื่อกระตุ้นตัวเราให้เป็นคนมีความเพียรพยายาม ไม่ย่อท้อ ให่้ต่อสู้ ลงมือกระทำจริง ๆ ความสำเร็จเกิดจากการลงมือกระทำ ไม่ใช่เกิดจากการสั่งจิตใต้สำนึกแล้วไม่ทำอะไร เป็นไปไม่ได้
อาจารย์ไม่อยากให้คุณณัชชาใช่คำว่า สะกดจิต เพราะฟังดูแล้วเป็น คำด้านลบ ควรจะใช้คำว่า สั่งจิตใต้สำนึกดีกว่า การที่คุณณัชชา สนใจในการฝึกจิตด้วยการเรียนรู้จากโค้ชต่าง ๆ อาจารย์คิดว่าโค้ชต่าง ๆ มีเรื่องทางธุรกิจเกี่ยวข้องอยู่ด้วย จึงพยายามสอนแบบชวนเชื่อ ทำให้ผู้ฟังที่อยากรวย ๆ เข้าใจผิดคิดว่า ทำตามที่โค้ชสอนแล้วจะรวย ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ทำมาหากินอะไร เอาแค่นึกฝันเท่านั้น ดังนั้น การทีคุณณัชชา ทำแค่สั่งจิตอยากได้เงินล้านบาท โดยไม่ได้ทำธุรกิจหรือทำงานอะไร จึงเป็นเรื่องเพ้อฝัน ถ้าหากอยากมีเงินล้าน คุณณัชชาต้องวิเคราะห์ก่อนว่า ตัวเราจะทำอาชีพหรือธุรกิจอะไรดี จึงจะหาเงินล้านได้ แล้วก็พยายามทำอาชีพหรือธุรกิจนั้นให้ประสบความสำเร็จโดยใช้จิตใต้สำนึก สร้างความเชื่อม่ั่นในการจะเดินตามความปรารถนา มิใช่ปล่อยให้เป็นภาระหน้าที่ของจิตใต้สำนึกดึงดูดเข้ามาให้เราอย่างที่คุณณัชชาเข้าใจอยู่ ณ เวลานี้
ลองปรับความเข้าใจใหม่นะ คุณณัชชา ไม่มีอะไรได้มาโดยง่าย ไม่มีอะไรลอยมาจากอากาศมาสู่เราโดยไม่ออกแรงอะไรเลยหรอก
สั่งจิตใต้สำนึกไปตามจุดต่างๆของร่างกาย เหมือนมีพลังงานจริง สั่นสะเทือนตามจุดต่างๆของร่างกายแต่ไม่ครบทุกจุดค่ะ ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นที่จักระที่7 กับช่องท้อง โค้ชบางคนบอกถ้าต้องการทางด้านการเงินให้เน้นตรงช่องท้อง
บางครบอกว่า ตรงจักระที่7ดี สุดท้ายให้เราเลือกเองค่ะ
เรืองนี้ถือเป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะ อาจารย์ไม่มีความเห็น แต่มิได้หมายความว่า อาจารย์โต้แย้งว่า เรื่องจักระจริงหรือไม่จริงนะ เพียงแต่อาจารย์ไม่เคยฝึกเรื่องนี้มาก่อน จึงไม่อาจชี้แนะหรือยืนยันว่า เชื่อถือได้หรือไม่
อยากให้อาจารย์เพิ่มเติมจักระ ในร่างกายของมนุษย์ด้วยค่ะ หนูฟังจากโค้ชคนหนึ่งบอกว่าเรื่องจิตใต้สำนึกเริ่มนิ่งแล้วในปัจจุบัน เรื่องจักระ จะขายได้ในอนาคต โค้ชก็ลงคอร์สเรียนเรื่องนี้ต่อไปจะนำมาสอนผู้คนค่ะ
ต้องขอโทษด้วย อาจารย์ไม่เเคยให้ความสนใจในเรื่องจักระ เคยแค่อ่านผ่าน ๆ ทุกโค้ชมักจะเน้นสอนแต่ให้คนอยากรวยด้วยวิธีการง่าย ๆ แต่ยากทีจะเป็นไปได้ เพราะถ้าวิธีการที่โค้ชสอนกัน ใครทำตามแล้ว ร่ำรวยทุกคน โลกนี้คงเต็มไปด้วยคนที่มีแต่ความฝัน แต่ไม่ได้ลงมือทำจริง อาจารย์อย่ากให้ข้อคิดคุณณัชชาว่า บรรดาเศรษฐีต่าง ๆ ท้ังของไทย ของโลก ทำกันอย่างไรจึงรวย ถ้าเราทำอย่างเขาไม่ได้ เราก็คงไม่มีทางรวย