10 ประเทศ อาเซียน น่าจะมีบทบาทในสถานการณ์ปัจจุบันของพม่าได้อย่างไร เป็นบทความลำดับที่ 6 ของหมวด 12 เรื่องเล่า ประเทศอาเซียน จะเล่าถึง ความนำ ความเป็นมาของ 10 ประเทศ อาเซียน กฎบัตรอาเซียน ความมุ่งประสงค์ของ อาเซียน หลักการ และกระบวนการตัดสินใจของอาเซียน วิถีอาเซียน วิเคราะห์บทบาทที่น่าจะเป็นของ 10 ประเทศ อาเซียน ในสถานการณ์ปัจจุบันของพม่า สรุป และคุยกับดร.ชา
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ได้นำเสนอบทความเกี่ยวกับพม่า ซึ่งเป็น 1 ใน 10 ประทศ อาเซียน มาแล้วจำนวน 5 บทความ โดยบทความสุดท้าย คือ บทความ (5) สันติสุข ยังยากที่จะเกิดขึ้นได้ บนแผ่นดินพม่า

(Wikipedia, ASEAN, 15th March 2021)
Table of Contents
1.ความนำ
การเกิดรัฐประหารในพม่าเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ได้ทำให้ชาวโลกให้ความสนใจในกลุ่มประเทศอาเซียนอีกครั้งหนึ่งว่า อาเซียนจะวางตัวหรือมีบทบาทอย่างไรในสถานการณ์ปัจจุบันของพม่า ในฐานะพม่าเป็นสมาชิกประเทศหนึ่งของกลุ่มประเทศ อาเซียน
ผมคิดว่า การที่จะพิจารณาว่าบทบาทของอาเซียนในสถานการณ์ปัจจุบันของพม่า ควรจะเป็นอย่างไร จำเป็นต้องวิเคราะห์บทบาทองประเทศอาเซียนที่น่าจะเป็นตามกรอบของกฎบัตรอาเซียน และวิถีอาเซียนเป็นหลัก ทั้งนี้เพราะกฎบัตรอาเซียนเปรียบเสมือนกฎหมายของอาเซียนที่ใช้ในการบริหารงานของอาเซียน ซึ่งประเทศสมาชิกทุกประเทศต้องถือปฏิบัติ
ส่วนวิถีอาเซียน เป็นประเพณีหรือแนวทางในการปฏิบัติ ของประเทศอาเซียนในการแก้ปัญหาต่าง ๆ ร่วมกัน
หากมีประเทศสมาชิกประเทศใดประเทศหนึ่งละเมิดหรือไม่ปฏิบัติตามกฎบัตรอาเซียนก็ดี หรือไม่ปฏิบัติตามวิถีอาเซียนก็ดี ย่อมอาจจะส่งผลให้อาเซียนล่มสลายก็ได้
2.ความเป็นมาของ 10 ประเทศ อาเซียน
2.1 อาเซียนมีกำเนิดจากอาสา
สมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Association of Southeast Asia Nations) ชื่อย่อ คือ อาเซียน (ASEAN ) มีกำเนิดจากการที่ประเทศไทย ฟิลิปปินส์ และสหพันธ์ มลายา (Federation of Malaya) ได้ร่วมกันจัดตั้งสมาคมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Association of Southeast Asia) หรือชื่อย่อคือ อาสา (ASA) เมื่อปีค.ศ.1961
2.2 สมาชิกอาเซียนเริ่มแรกมีจำนวน 5 ประเทศ
แต่อาเซียน (ASEAN) หรือชื่อเต็ม คือ สมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Association of Southeast Asian Nations) ได้ถือกำเนิดภายหลังจากนั้น คือได้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 1967 (พ.ศ. 2510) โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย รวมจำนวน 5 ประเทศได้ร่วมกันลงนามในคำแถลงการณ์อาเซียน (ASEAN
Declaration)
2.3 การขยายจำนวนสมาชิกจนครบ 10 ประเทศ

(Wilkipedia, ASEAN, 15th March 2021
หลังจากอาเซียนได้ถือกำเนิดขึ้นมาเมื่อปีค.ศ.1967 โดยมีสมาชิกเริ่มแรกจำนวน 5 ประเทศดังกล่าว ต่อมาได้มีประเทศที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกเพิ่มเติมจนครบ 10 ประเทศ คือ
บรูไน ได้เข้าเป็นสมาชิกลำดับที่ 6 เมื่อวันที่ 7 มกราคม ค.ศ.1984
เวียดนาม ได้เข้าเป็นสมาชิกลำดับที่ 7 เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ค.ศ.1995 ภายหลังสงครามเย็นได้สิ้นสุดลง
ลาว และเมียนมา ได้เข้าเป็นสมาชิกลำดับที่ 8 และ 9 เมื่อวันที่ 23 กรกฎคม ค.ศ.1997
และกัมพูชา ได้เข้าเป็นสมาชิกลำดับสุดท้ายหรือลำดับที่ 10 เมื่อวันที่ 30 เมษายน ค.ศ.1999 ทั้ง ๆ ที่กัมพูชาจะต้องเข้าเป็นสมาชิกพร้อมกับลาว และเมียนมา แต่ได้เกิดการรัฐประหารในประเทศเมื่อปีค.ศ.1997 เสียก่อน จึงได้เลื่อนการเข้าเป็นสมาชิกออกไปก่อนจนกว่าเหตุการณ์ทางการเมืองในประเทศได้สงบลง
ความเห็นเพิ่มเติมของดร.ชา
แนวคิดเบื้องต้นของประเทศสมาชิกผู้เริ่มก่อตั้งอาเซียน 5 ประเทศ คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย ต้องการรวมพลังในการต่อต้านกับการแพร่ขยายของลัทธิคอมมิวนิสต์ ต่อมาบรูไนก็ได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกลำดับที่ 6 จนกระทั่งสงครามเย็นได้สิ้นสุดลง ประเทศเวียดนาม ลาว พม่า และกัมพูชา จึงได้สมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิกของอาเซียน
2.4 ผู้สังเกตการณ์
นอกจากสมาชิกจำนวน 10 ประเทศดังกล่าวแล้ว ยังมีประเทศที่ให้ความสนใจที่จะเข้าร่วมเป็นสมาชิกของอาเซียนในอนาคตอีกจำนวน 2 ประเทศ โดยได้เข้ามาอยู่ในฐานะประเทศผู้สังเกตการณ์ ได้แก่
ประเทศปาปัว นิวกินี (Papua New Guinea) ได้เข้ามาเป็นประเทศผู้สังเกตการณ์มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1976
ประเทศติมอร์ตะวันออก (East Timor) ได้เข้ามาเป็นประเทศผู้สังเกตการณ์มาตั้งแต่ปีค.ศ.2002
นอกจากนี้ยังมีประเทศอื่น ๆ อีกที่แสดงความสนใจที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอาเซียน เช่น บังคลาเทศ ฟิจิ และศรีลังกา เป็นต้น
ความเห็นเพิ่มเติมของดร.ชา
การที่อาเซียนมีประเทศอื่นนอกเหนือประเทศสมาชิก ได้สมัครเข้าเป็นประเทศผู้สังเกตการณ์ แสดให้เห็นว่า อาเซียนมีความเข้มแข็ง ทำให้มีประเทศอยากจะเข้าร่วมเป็นสมาชิกในอนาคตด้วย
2.5 สถานะคู่เจรจาของยูเอ็น (Status of dialogue partner to the UN)
เมื่อปีค.ศ.2006 ยูเอ็นได้มอบสถานะผู้สังเกตการณ์ของที่ประชุมใหญ่ของยูเอ็นแก่อาเซียน
ความเห็นเพิ่มเติมของดร.ชา
การที่ยูเอ็นได้มอบสถานะผู้สังเกตการณ์ของที่ประชุมใหญ่ของยูเอ็นเมื่อปี ค.ศ.2006 แสดงให้เห็นความเข้มแข็งของอาเซียนในเวทีโลกได้เป็นอย่างดี
3.กฎบัตรอาเซียน (ASEAN Charter)
3.1 กฎบัตรของอาเซียน คือ อะไร
กฎบัตรของอาเซียนหรือธรรมนูญของอาเซียน เปรียบเสมือนรัฐธรรมนูญของอาเซียน ที่จะทำให้อาเซียนมีฐานะเป็นนิติบุคคลตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยผู้นำอาเซียนได้ลงนามรับรองกฎบัตรอาเซียน ในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 13 ณ ประเทศสิงคโปร์ ในโอกาสของการก่อตั้งอาเซียนครบรอบ 40 ปี เพื่อแสดงให้ประชาคมโลกได้เห็นความก้าวหน้าของอาเซียนที่กำลังจะก้าวไปพร้อมกับประเทศสมาชิก 10 ประเทศ อาเซียน
กฎบัตรอาเซียน ถือว่าเป็นเอกสารประวัติศาสตร์ชิ้นสำคัญที่จะทำให้อาเซียนเป็นองค์กรระหว่างรัฐบาลที่มีฐานะเป็นนิติบุคคล โดย 10 ประเทศ อาเซียนได้ให้สัตยาบันครบทุกประเทศแล้วเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2008 (พ.ศ. 2551) และมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2008 เป็นต้นมา
ความเห็นเพิ่มเติมของดร.ชา
อาเซียนถือกำเนิดเมื่อปีค.ศ.1967 แต่เพิ่งสามารถออกกฎบัตรใช้บังคับได้เมื่อปีค.ศ.2008 นับเป็นระยะเวลายาวนานถึง 40 ปี แสดงให้เห็นว่า อาเซียนค่อย ๆ เติบโตไปทีละขั้นตอน จนมั่นใจว่า มีความพร้อมจึงได้ออกกฎอาเซียนมาใช้บังคับ
กฎบัตรอาเซียนย่อมเปรียบเสมือนรัฐธรรมนูญของอาเซียน ที่ประเทศสมาชิกทุกประเทศต้องถือปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด หากมีสมาชิกประเทศใดประเทศหนึ่งฝ่าฝืนไม่เคารพกฎบัตรอาเซียน อาจจะต้องได้รับโทษจากอาเซียน กฎบัตรอาเซียน เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้อาเซียนอยู่รอดได้
3.2 วัตถุประสงค์ของกฎบัตรอาเซียน
วัตถุประสงค์ในการออกกฎบัตรอาเซียน คือ การทำให้อาเซียนเป็นองค์กรที่มีประสิทธิภาพ มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และเคารพกฎกติกาในการทำงานร่วมกันมากขึ้น ยิ่งกว่านั้น กฎบัตรอาเซียนจะทำให้อาเซียนเป็นองค์กรระหว่างรัฐบาล (intergovernmental organization) ที่มีฐานะเป็นนิติบุคคล
3.3 โครงสร้างของกฎบัตรอาเซียน
กฎบัตรอาเซียน ประกอบด้วยบทบัญญัติ 13 หมวด จำนวน 55 ข้อ
ในที่นี้จะขอยกมากล่าวเฉพาะ
หมวด 1 ความมุ่งประสงค์และหลักการอาเซียน
หมวด 7 กระบวนการตัดสินใจ
4.ความมุ่งประสงค์ของอาเซียน
ความมุ่งประสงค์ของอาเซียน เป็นไปตามกฎบัตรอาเซียน หมวด 1 ข้อ 1 มีข้อย่อย จำนวนทั้งหมด 15 ข้อ สรุปได้ดังนี้
4.1 เพื่อธำรงรักษาและเพิ่มพูนสันติภาพ ความมั่นคง และเสถียรภาพ ในภูมิภาค
4.2 เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคมวัฒนธรรมให้แน่นแฟ้น
4.3 เพื่อให้เป็นเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์และอาวุธทำลายล้างอื่น ๆ
4.4 เพื่อสร้างตลาดและฐานการผลิตเดียวกันที่มีเสถียรภาพ มั่งคั่ง และมีความสามารถในการแข่งขันสูง
4.5 เพื่อลดช่องว่างในการพัฒนาภายในอาเซียน
4.6 เพื่อเสริมสร้างประชาธิปไตย
ความเห็นเพิ่มเติมของดร.ชา
แม้ความมุ่งประสงค์ของอาเซียนอาจจะมีหลายข้อ แต่ ข้อ 4.4 การสร้างตลาดและฐานการผลิตเดียวกันที่มีเสถียรภาพ น่าจะเป็นข้อที่มองเห็นโดดเด่นเป็นรูปธรรมมากที่สุด เพราะทำให้ 10 ประเทศ อาเซียน เกิดความรู้สึกว่า คล้ายกับการเป็นประเทศเดียวกันมากที่สุดประการหนึ่ง เพื่อให้อาเซียนสามารถแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ ในด้านเศรษฐกิจได้ แทนที่ประเทศอาเซียนแต่ละประเทศ จะต้องเป็นคู่แข่งกันเองเหมือนอย่างในอดีต
5.หลักการและกระบวนการตัดสินใจของอาเซียน
5.1หลักการของอาเซียน
หลักการของอาเซียนเป็นไปตามกฎบัตรอาเซียน หมวด 1 ข้อ 2 มีข้อย่อย 15 ข้อ แต่อาจสรุปได้ว่า อาเซียนและสมาชิกอาเซียนจะต้องปฏิบัติตามหลักการ ที่สำคัญ ดังนี้ คือ
5.1.1 การเคารพเอกราช อธิปไตย ความเสมอภาค บูรณภาพแห่งดินแดน และอัตลักษณ์แห่งชาติสมาชิก
5.1.2 ความผูกพันและรับผิดขอบร่วมกันในการเพิ่มพูนสันติภาพ ความมั่นคง และความมั่งคั่งของภูมิภาค
5.1.3 การไม่ใช้การรุกรราน และการข่มขู่ว่าจะใช้หรือการใช้กำลังหรือการกระทำอื่นใดในลักษณะที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ
5.1.4 การไม่แทรกแซงกิจการในของรัฐสมาชิก
5.1.5 การยึดถือกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ที่รัฐสมาชิกอาเซียนยอมรับ
ความเห็นเพิ่มเติมของดร.ชา
ตามหลักการดังกล่าว แสดงให้เห็นว่า ประเทศสมาชิกจะต้องเคารพเอกราช และอธิปไตยซึ่งกันและกัน ไม่เข้าไปแทรกแซงกิจการภายในของรัฐสมาชิก
5.2 กระบวนการตัดสินใจของอาเซียน
ตามกฎบัตรอาเซียน หมวด 7 กำหนดเป็นหลักการพื้นฐานว่า การตัดสินใจของอาเซียนให้อยู่บนพื้นฐานของการปรึกษาหารือและฉันทามติ
ความเห็นเพิ่มเติมของดร.ชา
กระบวนการตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ ของอาเซียน ไม่ได้ใช้หลักเสียงข้างมาก แต่ใช้หลักการมีความเห็นสอดคล้องต้องกัน โดยไม่จำเป็นต้องมีการลงมติ เพราะประธานที่ประชุมจะเป็นผู้สรุปมติที่ประชุมเอง ดังนั้น มติที่ออกมาจะเป็นเพียงมติที่ประชุมเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ ไม่มีคำว่า มติที่ประชุมเห็นชอบ เท่าใด ไม่เห็นชอบเท่าใด และไม่ออกเสียงเท่าใด
กระบวนการตัดสินใจแบบนี้ เป็นการหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความขัดแย้ง เพราะถือว่า มติที่ออกมาเป็นมติที่ทุกคนเห็นชอบร่วมกัน
6.วิถีอาเซียน (ASEAN Way)
คำว่า วิถีอาเซียน หมายถึงแนวทางหรือวิธีการในการแก้ปัญหาของอาเซียนที่สอดคล้องกับวัฒนธรรมในการปฏิบัติของอาเซียน (Southeast Asia’s cultural norms) ซึ่งเป็นกระบวนการหรือสไตล์ในการทำงานอย่างไม่เป็นทางการและเป็นส่วนบุคคล (informal and personal)
ดังนั้น วิถีอาเซียน จึงหมายถึง การประนีประนอม การมีความเห็นที่สอดคล้องกัน และการใช้กระบวนการตัดสินใจปรึกษาหารือกันอย่างไม่เป็นทางการ เพื่อให้มีความเห็นสอดคล้องกัน และไม่มีความขัดแย้งกัน นั่นคือ การใช้การทูตแบบเงียบ ๆ เพื่อให้ผู้นำอาเซียนได้พบปะหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน โดยไม่จำเป็นต้องเปิดเผยให้สาธารณชนทราบ เพื่อหลักเลี่ยงความขัดแย้งกัน
ความเห็นเพิ่มเติมของดร.ชา
วิถีอาเซียน ก็คือกระบวนการตัดสินใจของอาเซียน ซึ่งได้กำหนดไว้ในกฎบัตรอาเซียน หมวด 7 แล้ว
7.วิเคราะห์บทบาทที่น่าจะเป็นของ 10 ประเทศ อาเซียน ในสถานการณ์ปัจจุบันของพม่
เมื่อได้พิจารณาจากกฎบัตรอาเซียน และวิถีอาเซียน จะเห็นได้ว่า ประเทศ อาเซียน คงจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือแทรกแซงในการแก้ไขสถานการณ์ปัจจุบันของเมียนมาไม่ได้ เพราะจะขัดต่อหลักการของอาเซียนตามกฎบัตรอาเซียน หมวด 1 ข้อ 2 ที่กำหนดให้ประเทศสมาชิกต้องเคารพอธิปไตยซึ่งกันและกัน ไม่เข้าไปแทรกแซงกิจการภายใน ปัญหาภายในประเทศเมียนมา คงต้องปล่อยให้ประเทศเมียนมาแก้ไขกันเอง
ดังนั้น สิ่งที่ประเทศ อาเซียน พอจะทำได้ก็คือ แสดงความห่วงใยในสถานการณ์เท่านั้น
ความเห็นเพิ่มเติมของดร.ชา
จากการวิเคราะห์กฎบัตรอาเซียนและวิถีอาเซียนดังกล่าว อาจนำมาเป็นคำอธิบายเพิ่มเเติมได้ว่า 10 ประเทศ อาเซียน มีรูปแบบการปกครองที่แตกต่างกันไป ไม่ได้มีรูปแบบการปกครองที่เป็นระบอบประชาธิปไตยทุกประเทศ อย่างบรูไน มีการปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เวียดนาม และลาว มีการปกครองระบอบส้งคมนิยมคอมมัวนิสต์และมีพรรคการเมืองพรรคเดียว ซึ่งถือเป็นเรื่องภายในของแต่ละประเทศในการเลือกรูปแบบการปกครองให้เหมาะสมกับบริบทของประเทศตนเอง อาเซียนมิได้นำมาเป็นเงื่อนไขว่า ประเทศสมาชิกอาเซียน ต้องมีรูปแบบการปกครองแบบประชาธิปไตยเท่านั้น
8.สรุป
บทความนี้ ต้องการจะชี้ให้เห็นว่า สถานการณ์ทางการเมืองในพม่าขณะนี้ 10 ประเทศ อาเซียน หรือกลุ่มประเทศอาเซียน คงไม่สามารถจะทำอะไรได้ นอกจากแสดงความห่วงในในสถานการณ์ในฐานะเป็นประเทศเพื่อนบ้านกัน และเป็นประเทศอาเซียนด้วยกัน เพราะตามกฎบัตรอาเซียน ประเทศสมาชิกต้องเคารพอำนาจอธิปไตยซึ่งกันและกัน ไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงกิจการภายในของประเศสมาชิกอื่นได้
ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองของพม่า ต้องปล่อยให้พม่าจัดการกันเอง ประเทศสมาชิกจะเข้าไปแทรกแซงไม่ได้ นอกจากการแสดงความห่วงใยในสถานการณ์เท่านั้น
สำหรับ ความเห็นเพิ่มเติม กรุณาติดตามได้ใน คุยกับดร.ชา ท้ายบทความนี้
แหล่งข้อมูล
1.Wikipedia, ASEAN, 14th March 2021).
2. กฎบัตรอาเซียน ใน https://www.m-culture.go.th/chachoengsao/images/11F.pdf
คุยกับดร.ชา
คู่สนทนาของผมวันนี้ คือ คุณเรืองศักดิ์ ซึ่งได้เข้ามาเป็นคู่สนทนาใน บทความ หลักการ และเหตุผล ของรัฐธรรมนูญพม่า

“ สวัสดี คุณเรืองศักดิ์ ดูเหมือนว่า พวกเราหลายคนอาจจะติดภารกิจ ไม่ว่างกันหลายคน อาจารย์ต้องขอขอบคุณ คุณเรืองศักดิ์มาก ที่กรุณาสละเวลามาพูดคุยกับอาจารย์ในวันนี้
วันนี้ เราจะพูดคุยกันในเรื่องชอง ประเทศ อาเซียน ว่า น่าจะมีบทบาทต่อสถานการณ์ปัจจุบันของพม่าอย่างไร ” ผมทักทายพร้อมบอกหัวข้อที่จะสนทนกัน
“สวัสดีครับอาจารย์ ผมดีใจที่ได้มีโอกาสได้มาสนทนากับอาจารย์อีกครั้งหนึ่งในหัวข้อที่หลายคนน่าจะสนใจ รวมทั้งตัวผมด้วย
ผมขอแสดงความเห็นในเบื้องต้นก่อนว่า ในทัศนะของผม ผมคิดว่า สถานการณ์ทางการเมืองในพม่าขณะนี้ น่าจะส่งผลกระทบต่อ ประเทศ อาเซียน หรือกลุ่มประเทศอาเซียน ทางด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จะทำให้ประเทศมหาอำนาจยักษ์ใหญ่อย่างจีน ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป หรือสหรัฐอเมริกา จะถือโอกาสเข้ามาแทรกแซงพม่า ซึ่งอาจจะเป็นการแทรกแซงในทางบวกหรือทางลบก็ได้ ” คุณเรืองศักดิ์แสดงความเห็นแบบกว้าง ๆ ยังไม่เจาะจงลงไป
“ ดูเหมือนว่า ความเห็นของคุณเรืองศักดิ์ อาจจะกว้างมากไปหน่อย อาจารย์อยากจะให้โฟกัสให้แคบลง เอาตรงบทบาทของ กลุ่มประเทศ อาเซียน ว่า น่าจะเป็นเช่นไรต่อสถานการณ์พม่าในขณะนี้ ” ผมเริ่มบีบประเด็นให้แคบลง
“ อ๋อ ผมเข้าใจประเด็นของอาจารย์แล้ว ผมมีความเห็นว่า การจะมองบทบาทหรือท่าทีของประเทศอาเซียนต่อสถานการณ์ปัจจุบันของพม่า ว่าน่าจะมีทิศทางไปอย่างไร เราคงต้องพิจารณาจากกฎบัตรอาเซียน และวิถีอาเซียน ” คุณเรืองศักดิ์เริ่มจับประเด็นได้
“ อาจารย์เห็นด้วย กับความเห็นของคุณเรืองศักดิ์ในแง่ที่ว่า การจะมองบทบาทของอาเซียนว่า น่าจะมีทิศทางไปอย่างไร ต้องเริ่มต้นด้วยการดูกฎบัตรอาเซียน และวิถีอาเซียน แต่อยากจะให้ขยายความสักหน่อยหนึ่ง ” ผมจี้ให้ขยายความ
“ ถ้าเช่นนั้น ผมขอพูดถึงเรื่องกฎบัตรอาเซียนก่อน การที่อาเซียนเป็นองค์กรระหว่างประเทศองค์กรหนึ่ง จำเป็นต้องมีธรรมนูญเป็นของตนเองเพื่อใช้เป็นหลักในการบริหารงานขององค์กร ในที่นี้ก็คือ กฎบัตรอาเซียน
ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ กฎบัตรอาเซียน เปรียบเสมือนรัฐธรรมนูญของอาเซียน ที่ประเทศสมาชิกทุกประเทศจะต้องเคารพและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด หากมีปัญหาใด ๆ เกิดขึ้นที่อาเซียนจำเป็นต้องพิจารณาตัดสินใจ ก็จะต้องเข้าไปดูกฎบัตรอาเซียนว่าได้กำหนดหลักและแนวทางปฏิบัติไว้ว่า อย่างไร อาเซียนมีอำนาจหน้าที่ในเรื่องนั้นหรือไม่ ถ้ามี จะต้องปฏิบัติอย่างไร ” คุณเรืองศักดิ์ตอบให้เห็นภาพการใช้กฎบัตรอาเซียน
“ เพื่อความชัดเจน กรณีปัญหาสถานการณ์ทางการเมืองของพม่าในขณะนี้ หากพิจารณาตามกฎบัตรอาเซียน ประเทศสมาชิกหรือตัวอาเซียนเอง จะสามารถเข้าไปเกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาของพม่าได้อย่างไร เพราะเหตุใด ” ผมขอให้ขยายความอย่างเป็นรูปธรรม
“ คืออย่างนี้ อาจารย์ หากเราติดตามข่าว ก็ดูเหมือนว่า ประทศสมาชิกอาเซียนบางประเทศอยากจะเข้าไปแก้ปัญหาสถานการณ์ทางการเมืองของพม่าที่กำลังร้อนแรงในขณะนี้ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่ตามกฎบัตรอาเซียนได้วางหลักการไว้ว่า ประเทศสมาชิกต้องเคารพเอกราช อธิปไตย ซึ่งกันและกัน และไม่เข้าแทรกแซงกิจการภายในของรัฐสมาชิก
ดังนั้น อาเซียนจึงไม่อาจจะลงมติไปในทิศทางที่จะเข้าไปแทรกแซงกิจการภายในของพม่าได้ สิ่งพอจะทำได้ก็คือ การแสดงความห่วงใยในสถานการณ์เท่านั้น แต่จะลงมติเพื่อกดดันพม่าให้ทำอย่างนี้อย่างนั้นไม่ได้ ” คุณเรืองศักดิ์ยกตัวอย่างเพื่อให้มองเห็นอย่างเป็นรูปธรรม
“ ที่คุณเรืองศักดิ์พูดมานี้ อาจารย์ก็เห็นว่า อธิบายได้ชัดเจนดีในส่วนของกฎบัตรอาเซียน แต่ในส่วนของวิถีอาเซียน มีอะไรเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไหม” ผมถามเพราะเกรงว่า คุณเรืองศักดิ์จะหลงลืม
“ เรื่องวิถีอาเซียนเหรอครับ จะว่าเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวก็ได้ คืออย่างนี้ วิถีอาเซียน คือวัฒนธรรมในการทำงานหรือการตัดสินใจของอาเซียน ซึ่งอาจจะแตกต่างไปจากองค์กรระหว่างประเทศอื่น อย่างเช่น สหภาพยุโรป หรือ อี.ยู.
ความจริงกระบวนการตัดสินใจของอาเซียนว่า จะต้องทำอย่างไร นอกจากจะเป็นวิถีอาเซียนแล้ว ยังเป็นหลักของกระบวนการตัดสินใจของอาเซียนในเรื่องต่าง ๆ ด้วย ” คุณเรืองศักดิ์ตอบสั้น ๆ
“ อาจารย์อยากให้ขยายความให้ชัดเจนสักหน่อย ได้ไหม ” ผมขอให้ขยายความ
“ ได้ครับอาจารย์ สมมุติว่า อาเซียนต้องการจะลมงมติในเรื่องของบทบาทของอาเซียนต่อสถานการณ์ทางการเมืองของพม่าในปัจจุบัน
ประเทศสมาชิกอาเซียน จะต้องเริ่มต้นด้วยการพบปะพูดคุยกันนอกรอบก่อน เพื่อแสดงหาข้อมูลและข้อเท็จจริงให้รอบด้าน หลังจากนั้น จึงเข้าประชุม หลังจากได้ถกเถียง อภิปรายพูดคุยกันแล้ว ประธานที่ประชุม จะสรุปว่า มติที่ประชุมเป็นอย่างไร จะไม่มีการลงมติว่า เสียงข้างมาก และเสียงข้างน้อยมีเท่าใด สมาชิกที่งดออกเสียงมีหรือไม่เท่าใด ” คุณเรืองศักดิ์อธิบายพอให้เข้าใจ
“ อาจารย์อยากให้ยกตัวอย่างเปรียบเทียบสักหน่อยได้ไหมว่า การประชุมแบบนี้ ในทางปฏิบัติมีตัวอย่างให้ดูอีกไหม ” ผมยังคิดว่า อาจจะยังไม่ชัดเจนพอ
“ ได้เลย อาจารย์ การประชุมแล้วมีมติเช่นนี้ ผมอยากให้อาจารย์นึกถึงการประชุมหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดประจำเดือนแต่ละเดือน ซึ่งมีหัวหน้าส่วนราชการต่าง ๆ และนายอำเภอ เข้าร่มประชุมเป็นจำนวนมาก จังหวัดใหญ่ อาจจะมากกว่า 200-300 คน
เมื่อถึงระเบียบวาระการประชุม ประธานที่ประชุม คือผู้ว่าราชการจังหวัด จะให้หัวหน้าส่วนราชการที่เป็นเจ้าของเรื่องชี้แจง เสร็จแล้วเปิดโอกาสให้ผู้ร่วมประชุมซักถามจนเป็นที่พอใจ ต่อจากนั้น ประธานก็จะสรุปเป็นมติที่ประชุมว่า รับทราบ หรือเห็นชอบโดยไม่จำเป็นต้องมีการยกมือลงมติอย่างเป็นทางการ
แต่ถ้าเรื่องใด ที่มีการโต้แย้งหรือซักถามมาก ประธานที่ประชุมก็จะใช้ศิลปะของการเป็นผู้นำ ขอให้ส่วนราชการเจ้าของเรื่องถอนเรื่องออกไปก่อน เพื่อป้องกันมิให้เกิดความขัดแย้งหรือขุ่นข้องหมองใจต่อกัน” คุณเรืองศักดิ์อธิบายได้ชัดเจนทีเดียว
“ ดีมาก คุณเรืองศักดิ์ หากจะว่าไป วิถีอาเซียน ก็คือวิถีคนตะวันออกนั่นเอง ที่ไม่ชอบการหักด้ามพร้าด้วยเข่า แต่ชอบการประนีประนอม สร้างความเห็นชอบร่วมกัน เพื่อรักษาความสัมพันธ์ทีดีต่อกันไว้
วันนี้อาจารย์ต้องขอขอบคุณ คุณเรืองศักดิ์มาก ที่สละเวลามาพูดคุยกับอาจารย์ มีโอกาสค่อยพบกันใหม่นะ ” ผมกล่าวยุติการสนทนา
“ ด้วยความยินดีครับอาจารย์”
ดร.ชา
15/03/21
กฏบัตรอาเซี่ยนเป็นข้อตกลงที่ผนึกอาเซี่ยนเข้าด้วยกันทำให้แต่ละประเทศเคารพในอธิปไตยซึ่งกันและกันครับ.
อาเซียน ก็คงแสดงออกได้แค่ห่วงใย เพราะเป็นเรื่องภายในประเทศพม่า จะไปท้วงติงข้างใดข้างหนึ่งก็คงไม่มีใครเชื่อฟังหรอกครับ
อาจารย์คะ มีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงไหน ที่หน่วยชีลของสหรัฐจะเข้ามาคลี่คลายสถานการณ์ในพม่า ขอบคุณค่ะ
ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะรัฐบาลทหารพม่า มีจีนหนุนและรัสเซียหนุนอยู่ ไม่ได้สู้อย่างเดียวดาย
ด้วยข้อตกลงอาเซียนคือการไม่เข้าไปแทกแทรงกิจการภายในของประเทศชาติสมาชิกอาเซียนนั้นๆ หากแต่พี่ใหญ่ฝากฝั่งสหรัฐอเมริกา และจีน ก็ยังมีแรงถัดทานกันอยู่ในตัว กับเหตุการณ์ต่างๆที่จะเกิดขึ้นในพม่า ต่อไปครับ
ผมเห็นว่า ปัญหาในพม่าเปรียบเสมือนเพื่อนบ้านเราที่มีรั้วบ้านติดกันทะเลาะกันในบ้านเขา นอกจากเราจะแสดงความห่วงใย ช่วยเหลือตามที่เขาร้องขอในสิ่งที่ไม่ผิดกฏหมายหนือกฏบัตรอาเซียนแล้ว เราต้องคอยสังเกตการณ์เพื่อหาทางหนีทีไล่ด้วยเผื่อมีผลกระทบหรือลูกหลงครับ😁