69 / 100

บทความ (5) รูปแบบการปกครอง ของ เยอรมัน-รูปแบบการปกครองแตกต่างจากอเมริกาและไทย  จะกล่าวถึงรูปแบบการปกครองของประเทศเยอรมัน โดยมีหัวข้อดังนี้ ความนำ อำนาจอธิปไตย 3 ระดับ รูปแบบการปกครองของเยอรมัน  สรุป และปิดท้าย คุยกับดร.ชา

1.ความนำ

          บทความ (4) เรื่องเล่าระบบตำรวจ และรูปแบบการปกครองของประเทศที่พัฒนาแล้ว ที่น่าสนใจ ผมได้เปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่างระหว่างระบบตำรวจของประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นรัฐเดี่ยวที่ไม่มีการปกครองส่วนภูมิภาค และระบบตำรวจของไทย ซึ่งเป็นรัฐเดี่ยวที่มีการปกครองส่วนภูมิภาค

            สำหรับทความนี้ จะเล่าเรื่องรูปแบบการปกครองของประเทศเยอรมันตามรัฐธรรมนูญของสหพันธรัฐเยอรมัน 1949 ก่อน

แผนที่ประเทศสหพันธรัฐเยอรมันแสดงเขตแดนของมลรัฐต่าง ๆ (Wikipedia, Germany, 7th August 2020)
แผนที่ประเทศสหพันธรัฐเยอรมันแสดงเขตแดนของมลรัฐต่าง ๆ (Wikipedia, Germany, 7th August 2020)

          แม้ประเทศสหพันธรัฐเยอรมันเป็นประเทศรัฐรวมเช่นเดียวกับประเทศสหรัฐอเมริกา ทำให้มีอำนาจอธิปไตยคู่ พร้อมกับการมีรัฐบาลสองระดับ คือ รัฐบาลกลาง และรัฐบาลมลรัฐ แต่รัฐธรรมนูญของสหพันธรัฐเยอรมันมีข้อแตกต่างไปจากรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกาอยู่ประการหนึ่งที่น่าสนใจคือ ได้กล่าวถึงการโอนอำนาจอธิปไตยให้แก่องค์การระหว่างประเทศด้วย

รัฐธรรมนูญแห่งประเทศสหพันธรัฐเยอรมัน (Germany’s Constitution of 1949 with Amendments through 2012) ได้ประกาศใช้บังคับภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเยอรมันเป็นฝ่ายแพ้สงครามโลกเช่นเดียวกับญี่ปุ่น จึงต้องร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ให้สอดคล้องกับความต้องการของฝ่ายสัมพันธมิตร   

            ดังจะเห็นได้จากคำอารัมภบท (Preamble) ที่ว่า รัฐธรรมนูญนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมสันติภาพของโลก (To promote world peace) ในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของยุโรป โดยรัฐธรรมนูญนี้เป็นกฎหมายพื้นฐาน (Basic Law) ที่ใช้บังคับกับมลรัฐของเยอรมันทั้ง 16 มลรัฐ

            รัฐธรรมนูญของเยอรมัน นับว่า มีความยาวมาก เพราะมีถึง 146 มาตรา ในขณะที่รัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกาที่ประกาศใช้บังคับเมื่อปี ค.ศ.1789 มีอยู่เพียง 7 มาตรา และมีฉบับแก้ไขเพิ่มเติมอีก 27 ฉบับ

            ในส่วนที่แสดงได้ชัดเจนว่า รัฐธรรมนูญของเยอรมันจำเป็นต้องสนองตอบความต้องการของฝ่ายสัมพันธมิตร คือ บทบัญญัติว่าด้วยการการป้องกันประเทศตามมาตรา 87a รัฐบาลสหพันธรัฐเยอรมันจะสร้างกองทัพไว้เพื่อการป้องกันประเทศเท่านั้น (Establish Armed Forces for purpose of defence) โดยจะต้องแสดงโครงสร้างการจัดองค์กรพื้นฐานและตัวเลขที่บ่งบอกความเข้มแข็ง (numerical strength) ของกองทัพไว้ในงบประมาณ     

             ทั้งนี้ เพื่อป้องกันมิให้เยอรมันสร้างกองทัพไว้เพื่อการุกรานประเทศอื่น ๆ อีกเหมือนยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ภายใต้การปกครองระบอบเผด็จการนาซี

2. อำนาจอธิปไตย 3 ระดับ

            ก่อนจะเล่าถึงรูปแบบการปกครองของประเทศสหพันธรัฐเยอรมัน ขออธิบายให้ท่านผู้อ่านทราบแนวคิดอำนาจอธิปไตย 3 ระดับ ตามมาตรา 20,24, 30 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งสหพันธรัฐเยอรมัน 1949 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติมจนถึง 2012 ได้วางหลักอำนาจอธิปไตยของประเทศไว้ถึง 3 ระดับ

คือ

อำนาจอธิปไตย 3 ระดับ ตามรัฐธรรมนูญสหพันธรัฐเยอรมัน 1949
อำนาจอธิปไตย 3 ระดับ ตามรัฐธรรมนูญสหพันธรัฐเยอรมัน 1949

            2.1 อำนาจอธิปไตยของสหพันธรัฐเยอรมัน (มาตรา 20)

            ตามมาตรา 20 แห่งรัฐธรรมนูญของสหพันธรัฐ ได้วางหลักไว้ชัดเจนว่า สหพันธรัฐเยอรมันเป็นสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตย (democratic and social federal state) โดยอำนาจรัฐทั้งหมดได้มาจากประชาชน และประชาชนสามารถใช้อำนาจผ่านทางการเลือกตั้งและการรออกเสียงอื่น ๆ  ผ่านทางองค์กรด้านนิติบัญญัติ ด้านการบริหาร และด้านตุลาการ

            ยิ่งกว่านั้น ประชาชนชาวเยอรมันทุกคนยังมีสิทธิต่อต้านใครก็ตามที่คิดจะล้มล้างรัฐธรรมนูญ

            2.2 การโอนอำนาจอธิปไตยให้องค์การระหว่างประเทศ (มาตรา 23,24)

          สหพันธรัฐเยอรมันอาจจะอาศัยอำนาจแห่งกฎหมายโอนอำนาจอธิปไตยไปให้องค์การระหว่างประเทศ ( A law transfer sovereign powers to international organisations)

          เพื่อเป็นการรักษาสันติภาพ สหพันธรัฐเยอรมันอาจเข้าร่วมระบบความความมั่นคงร่วมกัน ซึ่งอาจจะต้องยอมเสียอำนาจอธิปไตยบางส่วนเพื่อนำสันติภาพอย่างถาวรมาสู่ยุโรป  และเพื่อทำความตกลงแก้ไขความขัดแย้งร่วมกัน  สหพันธรัฐอาจจะเข้าเป็นภาคีในการทำความตกลง อันจะนำมาซึ่งอำนาจในการชี้ขาดของนานาชาติ

          ผมขอทำความเข้าใจในการโอนอำนาจอธิปไตยบางอย่างไปให้องค์การระหว่างประเทศ หมายความว่าอำนาจบางอย่างที่เคยเป็นอำนาจของรัฐในอดีต อาจจำเป็นต้องโอนอำนาจดังกล่าวให้เป็นอำนาจขององค์การระหว่างประเทศแทน ซึ่งเป็นการใช้ร่วมกันของประเทศที่เป็นสมาชิก เพื่อให้เกิดสันติภาพหรือความสงบสุขร่วมกัน

          ดังจะเห็นได้จากมาตรา 23 ของรัฐธรรมนูญแห่งสหพันธรัฐ ได้กล่าวไว้ชัดเจนว่า สหพันธรัฐอาจอาศัยอำนาจแห่งกฎหมายยินยอมโอนอำนาจอธิไตยบางส่วนด้วยความยินยอมของสภาผู้แทนมลรัฐให้แก่สหภาพยุโรป (European Union)

แผนที่ประเทศในสหภาพยุโรป (Wikipepdia,European Union,7th August 2020)
แผนที่ประเทศในสหภาพยุโรป (Wikipepdia,European Union,7th August 2020)

          นอกจากการเข้าร่วมเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปแล้ว สหพันธรัฐเยอรมันยังได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกกับองค์การระหว่างประเทศหลายองค์การ เช่น องค์การสนธิสัญญานาโต้ องค์การสหประชาชาติ เป็นต้น

            2.3 อำนาจอธิปไตยของมลรัฐ (มาตรา 30)

          นอกเหนือไปจากอำนาจที่ได้กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งสหพันธรัฐนี้ การใช้อำนาจรัฐในส่วนที่เหลือย่อมตกเป็นอำนาจของมลรัฐ

            หลักการตามมาตรานี้ก็คงเป็นไปในทำนองเดียวกับรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกาที่ได้บัญญัติไว้ว่า อำนาจใดที่รัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกา มิได้สงวนไว้ให้เป็นอำนาจของสหรัฐอเมริกา และมิใช่อำนาจที่ห้ามมลรัฐใช้ อำนาจที่เหลือทั้งหมดย่อมตกเป็นอำนาจของมลรัฐและประชาชน

3.รูปแบบการปกครองของประเทศเยอรมัน

          ประเทศสหพันธรัฐเยอรมัน (The Federal Republic of Germany)  เป็นประเทศรัฐรวมเช่นเดียวกับประเทศสหรัฐอเมริกา มีรัฐบาลสองระดับ คือ รัฐบาลกลาง และรัฐบาลมลรัฐ ทั้งนี้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งสหพันธรัฐเยอรมัน

          สำหรับรูปแบบการปกครองของประเทศเยอรมันตามมาตรา 20 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งสหพันธรัฐเยอรมัน 1949 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติมจนถึงปี 2012 กำหนดไว้ชัดเจนว่า สาธารณรัฐสหพันธรัฐเยอรมัน เป็นรัฐรวมที่เป็นสังคมนิยมประชาธิปไตย ( Democratic and social federal state) โดยมีรูปแบบการปกครอง พอจะสรุปได้ดังนี้

          3.1 รัฐบาลกลาง (Federal Government)

          รูปแบบการปกครองของสหพันธรัฐเยอรมัน เป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยระบบรัฐสภา มีประธานาธิบดีเป็นประมุข

ที่มาของประธานาธิบดี        

              ตามรัฐธรรมนูญแห่งสหพันธรัฐ มาตรา 54 ประธานาธิบดีได้มาจากการเลือกตั้งทางอ้อมจากที่ประชุมใหญ่

ของสหพันธ์ (Federal Convention) ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของสหพันธรัฐ(Budestag) และตัวแทนของสภาผู้แทนมลรัฐต่าง ๆ จำนวนเท่ากับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของสหพันธรัฐ โดยมีวาระในการดำรงตำแหน่ง 5 ปี และสามารถดำรงตำแหน่งติดต่อกันไม่เกินสองสาระ

            ประธานาธิบดีต้องไม่เป็นบุคคลในคณะรัฐบาล หรือไม่เป็นบุคคลที่เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติของสหพันธรัฐหรือมลรัฐ (มาตรา 55)

          สภานิติบัญญัติ

            สภานิติบัญญัติของสหพันธรัฐเยอรมัน ประกอบด้วย สภาผู้แทนราษฎร (Bundestag) และสภาตัวแทนมลรัฐ (Bundestrat)

          ❶สภาผู้แทนราษฎร (Bundestag)

          ตามรัฐธรรมนูญ ฯ มาตรา 38 และ 39 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีวาระในการดำรงตำแหน่ง 4 ปี ผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องมีอายุไม่น้อยกว่า 18 ปี

            ❷สภาผู้แทนมลรัฐ (Bundestrat)

           มลรัฐสามารถมีส่วนร่วมผ่านทางสภาผู้แทนมลรัฐในด้านนิติบัญญัติ ด้านการบริหารของสหพันธรัฐ และเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสหภาพยุโรป (The European Union) (มาตรา 50)

          สภาผู้แทนมลรัฐประกอบด้วยสมาชิกที่เป็นตัวแทนของรัฐบาลมลรัฐ ซึ่งเป็นผู้แต่งตั้งและถอดถอนตัวแทนดังกล่าว ส่วนมลรัฐใดจะมีจำนวนตัวแทนมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับจำนวนประชากรของแต่ละมลรัฐ แต่มลรัฐหนึ่งจะมีตัวแทนได้อย่างน้อย 3 เสียง มลรัฐใดมีประชากรมากกว่า 2 ล้านคน มีตัวแทนได้ 4 เสียง  มลรัฐใดมีประชากรมากกว่า  6 ล้านคน มีตัวแทนได้ 5 เสียง และมลรัฐมีประชากรมากกว่า 7 ล้านคน มีตัวแทนได้ 5 เสียง

          ฝ่ายบริหารของรัฐบาลกลาง

          ฝ่ายบริหารประกอบด้วย นายกรัฐมนตรี (Federal Chancellor) เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร และรัฐมนตรี (Federal Ministers) (มาตรา 62)

            นายกรัฐมนตรีได้มาจากการเสนอชื่อผู้ที่เห็นสมควรของประธานาธิบดีต่อสภาผู้แทนราษฎร และเมื่อสภาผู้แทนราษฎรได้มีมติเห็นชอบแล้ว ประธานาธิบดีจะเป็นผู้ลงนามแต่งตั้ง (มาตรา 63) ซึ่งในทางปฏิบัติ นายกรัฐมนตรีก็คือหัวหน้าพรรคการเมืองที่ครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรนั่นเอง

          3.2 รัฐบาลมลรัฐ (Lander Government)

          ตามรัฐธรรมนูญของสหพันธรัฐ มาตรา 28 ภายใต้รัฐธรรมนูญของแต่ละมลรัฐ รูปแบบการปกครองของแต่ละมลรัฐ ต้องเป็นสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตย เช่นเดียวกับรูปแบบของการปกครองของสหพันธรัฐ

          เนื่องจากสหพันธรัฐเยอรมัน  ประกอบด้วยมลรัฐจำนวน 16 มลรัฐ ทำให้สหพันธรัฐเยอรมันมีรัฐธรรมนูญรวมทั้งหมด 17 ฉบับ  คือ รัฐธรรมนูญของสหพันธรัฐเยอรมันหรือรัฐบาลกลางจำนวน 1 ฉบับ  และรัฐธรรมนูญของมลรัฐต่าง ๆ  รวม 16 ฉบับ

           โครงสร้างการบริหารของมลรัฐ (Lander )

        ทุกมลรัฐมีรัฐธรรมนูญเป็นของตนเอง  โดยมีโครงสร้างแยกเป็นสภาและฝ่ายบริหาร  โดยสมาชิกสภามลรัฐมาจากการเลือกตั้งโดยตรง

            แต่บางมลรัฐมีขนาดใหญ่  จึงได้แบ่งพื้นที่ออกเป็นส่วนภูมิภาคของมลรัฐ คือ จังหวัด  โดยเฉพาะมลรัฐในทางตะวันตก จำนวน 6 มลรัฐ ได้ แบ่งพื้นที่เป็นจังหวัด  จำนวน 3 -7 จังหวัด   โดยมีตำแหน่งที่อาจจะเทียบเท่าผู้ว่าราชการจังหวัดของไทย (Regierungspraesident) แต่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ ไม่ได้สังกัดกระทรวง กรมต่าง ๆ เหมือนของไทย  แต่ขึ้นตรงต่อตำแหน่งเทียบเท่าผู้ว่าราชการจังหวัดดังกล่าวโดยตรง

          มีมลรัฐอยู่ 3 แห่ง ที่มีฐานะเป็นมหานครได้แก่ Bremen,Hamburg,Berlin จะมีหน่วยการปกครองเทียบเท่าเขตของกทม. และมีสภาเขตด้วย

           3.3 การปกครองส่วนท้องถิ่น

ตามรัฐธรรมนูญของสหพันธรัฐเยอรมัน  มาตรา 28  กำหนดให้การปกครองท้องถิ่นประกอบด้วย เคาน์ตี(county ) และเทศบาล (municipalities)

            นอกเหนือไปจากส่วนที่รัฐธรรมนูญของสหพันธรัฐเยอรมันได้บัญญัติไว้ การปกครองท้องถิ่นของสหพันธรัฐเยอรมันเป็นไปตามรัฐธรรมนูญและกฎบัตรของแต่ละมลรัฐ  ในทำนองเดียวกันกับสหรัฐอเมริกา  แตกต่างตรงที่รัฐธรรมนูญของสหพันธรัฐเยอรมันได้บัญญัติรับรองหลักการบางอย่างของการปกครองท้องถิ่นไว้ด้วย

                   การปกครองส่วนท้องถิ่นของเยอรมันมีอยู่ 2  ชั้น คือ

                   การปกครองส่วนท้องถิ่นระดับบน เรียกว่า เคาน์ตี แยกเป็น
  • เคาน์ตีในเขตชนบท ( Landkreise / County )
  • เคานน์ตีในเขตนคร ( Stadtkreise/ County Borough )

*เคาน์ตีในเขตชนบท กรณีอยู่ในเยอรมันตะวันตก มีประชากรประมาณ 160,000 บาท แต่ถ้าอยู่ในเยอรมันตะวันออก มีประชากรเฉลี่ย 80,000  คน

❷การปกครองส่วนท้องถิ่นระดับล่าง เรียกว่า เทศบาล ( Gemeinden )  ซึ่งจะมีเฉพาะในเคาน์ตีในเขตชนบทเท่านั้น หมายความว่า ในเขตขนบท การปกครองส่วนท้องถิ่นจะเป็นแบบ 2 ชั้น ชั้นบน เป็นเคาน์ตี และชั้นล่าง เป็นเทศบาล

          โครงสร้างของเทศบาลประกอบด้วย

           – สภาเทศบาล มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน

          – ฝ่ายบริหาร คือ นายกเทศมนตรี  ส่วนใหญ่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน  และจะทำหน้าที่เป็นประธานสภาด้วย

  กฎบัตรสภายุโรปว่าด้วยการปกครองท้องถิ่น ( The European Charter of Self-Government 1985 )*

องค์กรปกครองท้องถิ่นเยอรมัน นอกจากจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายของรัฐบาลกลาง  และกฎหมายของมลรัฐแล้ว  จะต้องปฏิบัติตามกฎบัตรของสภายุโรปด้วย

  • ประเทศที่เป็นสมาชิกของสภายุโรปมีทั้งหมด 47 ประเทศ เกือบทุกประเทศในทวีปยุโรป เป็นสมาชิกของสภายุโรป

            *สภายุโรป( Council of Europe )  กับสภาแห่งสหภาพยุโรป                       ( Council of the European Union ) เป็นคนละสภา  โดยประเทศที่เป็นสมาชิกแห่งสหภาพยุโรปมีสมาชิกเพียง 27 ประเทศเท่านั้น

              *เนื้อหาสาระของกฎบัตรสภายุโรปว่าด้วยการปกครองท้องถิ่น ประกอบด้วยแนวคิดและหลักการปกครองท้องถิ่นเบื้องต้นที่รัฐที่เป็นสมาชิกแห่งสภายุโรป ( States of the Council of Europe )  ต้องนำไปปฏิบัติ 

            รัฐที่เป็นสมาชิกแห่งสภายุโรปมีจำนวน  47  ประเทศ  เช่น  เยอรมัน ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร อิตาลี เดนมาร์ค  สเปน กรีซเนเธอร์แลนด์ ตุรกี ออสเตรีย  ฮังการี  สวิตเซอร์แลนด์ เป็นต้น    

4.สรุป

            บทความ (4) เรื่องเล่า ระบบตำรวจและรูปแบบการปกครองของประเทศที่พัฒนาแล้ว ที่น่าสนใจ : เยอรมัน ประเทศรัฐรวม เป็นบทความที่ต้องเล่าเรื่องรูปแบบการปกครองของประเทศสหพันธรัฐเยอรมัน ซึ่งเป็นประเทศรัฐรวมเช่นเดียวกับสหรัฐอเมริกา เพียงแต่เป็นประเทศที่มีขนาดเล็กกว่ามาก โดยมีมลรัฐจำนวน 16 มลรัฐ

            ตามรัฐธรรมนูญแห่งสหพันรัฐเยอรมัน 1945 ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญที่ได้ยกร่างขึ้นภายหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเยอรมันตกเป็นประเทศผู้แพ้สงครามเช่นเดียวกับญี่ปุ่น เนื้อหาของรัฐธรรมนูญจึงต้องสนองตอบความต้องการของฝ่ายสัมพันธมิตรซึ่งเป็นผู้ชนะสงคราม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสร้างกองทัพต้องสร้างไว้เพื่อการป้องกันเท่านั้น

            สำหรับความคิดเห็นเพิ่มเติม กรุณาติดตามได้ใน คุยกับดร.ชา ท้ายบทความนี้

คุยกับดร.ชา

          เมื่อครั้งผมลงไปสอนปริญญาโทรัฐศาสตร์ ของคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ผมมีโอกาสรู้จักคุ้นเคยกับลูกศิษย์คนหนึ่ง ซึ่งมีหน้าที่ในการขับรถรับ-ส่งอาจารย์ จากโรงแรมที่พักไปยังห้องเรียน มีชื่อว่า “ผู้กอง” (ชื่อสมมุติ) ผู้กองเป็นคนมีอัธยาศัยดี ท่าทางเป็นคนสุขุมเยือกเย็น แต่ผมเข้าใจว่าชีวิตของผู้กองน่าจะโลดโผนไม่น้อย เพราะเป็นบุคคลหมายเลข 8  ผมจึงเห็นสมควรเชิญมาเป็นคู่สนทนาในครั้งนี้

            “ ผู้กอง สบายดีไหม ” ผมทักทายผู้กองตามธรรมเนียมก่อนที่จะเริ่มสนทนากัน

            “ สบายดีครับ อาจารย์ อาจารย์คงสบายดีเหมือนกันใช่ไหม ” ผู้กองทักทายผมตอบ

            “ สบายดี ขอบคุณมาก วันนี้เรามาคุยกันเรื่องรูปแบบการปกครองของประเทศเยอรมัน ก่อนที่จะคุยกันในเรื่องระบบตำรวจของเยอรมันในคราวต่อไป ผู้กองเห็นเป็นอย่างไร น่าสนใจไหม ” ผมเริ่มเปิดประเด็นพูดคุย

            “ ผมชอบมากครับ เรื่องประเทศเยอรมัน ขนาดเป็นประเทศที่แพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ก็สามารถฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว จนสามารถก้าวขึ้นมหาอำนาจด้านเศรษฐกิจของโลกได้อีกครั้งหนึ่งภายในเวลาไม่นานนัก ” ผู้กองอดแสดงความชื่นชมประเทศเยอรมันไม่ได้

            “ ผู้กองคิดว่าเป็นเพราะอะไร เยอรมันจึงสามารถพัฒนาประเทศจากประเทศที่พ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างยับเยิน ให้ก้าวกระโดดขึ้นมาเป็นประเทศมหาอำนาจได้อีกครั้งหนึ่ง ” ผมทดสอบความเข้าใจของผู้กอง

            “ ถ้ายังงั้น ผมขอมองจากมิติด้านการเมืองการปกครอง หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศเยอรมันได้ถูกแบ่งเป็น 2 ประเทศ คือประเทศเยอรมันตะวันตก และประเทศเยอรมันตะวันออก

            ประเทศเยอรมันตะวันตกมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ส่วนเยอรมันตะวันออกปกครองในระบอบเผด็จการสังคนิยมคอมมิวนิสต์ แต่ภายหลังได้กลับมารวมเป็นประเทศเดียวกันก่อนที่จะสิ้นสุดศตวรรษที่ 20 โดยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยระบบรัฐสภาตามแบบอย่างประเทศเยอรมันตะวันตก ภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งสหพันธรัฐเยอรมัน 1949 ซึ่งได้ใช้บังคับเรื่อยมาจนกระทั่งทุกวันนี้”

ผู้กองแสดงความเห็นแบบคนมีความรู้ด้านประวัติศาสตร์โลกยุคปัจจุบัน

            “ การที่เยอรมันสามารถใช้บังคับรัฐธรรมนูญ 1949 อย่างต่อเนื่องเรื่อยมาจนกระทั่งปัจจุบัน ผู้กองคิดว่า มีความหมายอะไรไหม ” ผมถามเพื่อให้ผู้กองแสดงความเห็นในเชิงสรุป

  “ อ๋อ ก็แสดงว่าการเมืองของเยอรมันมีเสถียรภาพ ไม่ล้มลุกคลุกคลานเหมือนอย่างประเทศเรา จึงทำให้เยอรมันสามารถพัฒนาประเทศได้อย่างต่อเนื่องและจริงจัง และทำให้ประสบความสำเร็จได้อย่างน่าทึ่ง”ผู้กองสรุปเข้าประเด็นได้อย่างแหลมคม

            “ ดีมาก ผู้กอง แสดงว่า ผู้กองวิเคราะห์ได้ถูกต้อง ความมีเสถียรภาพทางการเมืองเป็นเรื่องสำคัญมาก หากการเมืองไม่มีเสถียรภาพ ก็ไม่ต้องทำอะไร คิดคอยจ้องแต่จะแก้รัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ทั้ง ๆ รัฐธรรมนูญนั้น มีจุดบกพร่องหรือจุดที่เป็นปัญหาเพียงไม่กี่มาตรา แสดงว่า คงจะมีความคิดอะไรแอบแฝงบางอย่าง ” ผมอดวกถึงบรรยากาศการเมืองบ้านเราไม่ได้

            “ ผมก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน อาจารย์ ” ผู้กองเห็นได้จังหวะบ้างที่จะแสดงความเห็นสอดคล้องกับผม

            “ เรื่องเยอรมันยังไม่จบนะ ผู้กอง เอาไว้คราวหน้าเราค่อยคุยกันต่อ ” ผมกล่าวสรุปปิดฉากสนทนา

ดร.ชา
7/08/20

Dr.Char

Mr.Chartri DireksriMr.Chartri Direksriดร.ชาตรี ดิเรกศรี (Dr.Chartri Direksri) เคยรับราชการเป็นนักปกครองในตำแหน่งปลัดอำเภอตรี เมื่อปีพ.ศ.2517 ผ่านการดำรงตำแหน่งนายอำเภอหลายอำเภอ เป็นปลัดจังหวัด และเกษียณอายุราชการในตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด เมื่อปีพ.ศ.2554 นอกจากนี้ยังเคยเป็นอาจารย์ผู้บรรยายพิเศษ หลักสูตรปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นเวลา 9 ปี

RELATED ARTICLES

หมอ พยายาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อรักษาคนติดเชื้อโรคโควิด-19

การบริหารในสถานการณ์ฉุกเฉินกรณีโรคโควิด-19: ความรุนแรงของสถานการณ์ และแนวคิดในการแก้ปัญหา(1)

Share on Social Media facebook email 68 / 100 Powered by Rank Math SEO การมองการบริหารในสถานการณ์ฉุกเฉินกรณรีโรคโควิด-19 ด้วยประสบการณ์การบริหารเพื่อแก้ปัญหาโรคไข้หวัดนก ปีพ.ศ.2547  (1) อาจมองได้หลายมิติ ในตอนแรกนี้ จะขอกล่าวถึงมิติด้านความรุนแรงของสถานการณ์ และแนวคิดในการแก้ปัญหา 1.ความรุนแรงของสถานการณ์โรคโควิด-19 ระบาด อาจมองความรุนแรงของสถานการณ์โรควิด-19 ได้เป็น 2 ระดับโลก และความรุนแรงของสถานการณ์โรคโควิด-19 ในประเทศไทย             1.1ความรุนแรงของสถานการณ์โรคโควิด-19 ระดับโลก           ความรุนแรงของสถานการณ์โรคโควิด-19 (Covid-19) หรือโรคไวรัสโคโรนา (Virus Corona) ถือได้ว่า เป็นโรคระบาดจากคนไปสู่คนและแพร่กระจายไปทั่วโลก โดยเริ่มต้นจากประเทศจีนไปสู่อีกหลายประเทศอย่างรวดเร็วทั้งในเอเชีย ยุโรป และอเมริกา มียอดผู้ติดเชื้อ…

พระพุทธเจ้า มีคาถารักษาโรคเรื้อรังได้หรือไม่ (16)(New***) 2

พระพุทธเจ้า มีคาถารักษาโรคเรื้อรังได้หรือไม่ (16)(New***)

Share on Social Media facebook email 90 / 100 Powered by Rank Math SEO “พระพุทธเจ้า มีคาถารักษาโรคเรื้อรังได้หรือไม่” นับเป็นบทความลำดับที่ 16 ของหมวด 7 เรื่องเล่า ประสบการณ์ปฏิบัติธรรม เพื่อคลายทุกข์ มีเนื้อหาประกอบด้วย ความนำ  พระพุทธเจ้ามีหลักคำสอนว่าอย่างไร   ประเภทของโรค โรคเรื้อรัง โรคเรื้อรังที่น่าสนใจ แนวทางในการรักษาโรคเรื้อรัง คาถารักษาโรคทุกโรคของพระพุทธเจ้า ทำไมจึงควรนำคาถานี้ไปใช้ในการรักษาโรคเรื้อรัง ประสบการณ์ในการนำคาถานี้มาใช้ ขั้นตอนและแนวทางในการนำคาถานี้ไปใช้ การบริกรรมคาถา การอธิษฐานจิต การสั่งจิตใต้สำนึก การสร้างมโนภาพ  ตัวอย่างการอธิษฐานจิตรวมทุกโรค ตัวอย่างการอธิษฐานจิตเฉพาะโรค สรุป ถาม-ตอบสนุก กับดร.ชา 369          …

ไต้หวัน มีความเจริญมากน้อยเพียงใด (12) 4

ไต้หวัน มีความเจริญมากน้อยเพียงใด (12)

Share on Social Media facebook email 87 / 100 Powered by Rank Math SEO “ไต้หวัน มีความเจริญมากน้อยเพียงใด” เป็นบทความลำดับที่ 12 ของหมวด 14 เรื่องเล่า ประเทศเอเชียตะวันออก มีหัวข้อ ดังนี้ ความนำ  ประวัติความเป็นมาของไต้หวันโดยย่อ ตำแหน่งที่ตั้งและขนาดพื้นที่ ประชากร (จำนวน เชื้อชาติ และศาสนา) การปกครอง เมืองหลวง ความสัมพันธ์กับต่างประเทศ  ตัวชี้วัดความเจริญทางเศรษฐกิจ ตัวชี้วัดความเจริญในด้านอื่น ๆ   สรุป ถาม-ตอบสนุก กับดร.ชา 36           “ไต้หวันหรือจีนไทเป เป็นประเทศที่ได้ชื่อว่า เป็นเสือตัวหนึ่งในบรรดาสี่ตัวของเอเชีย…

เกาหลีเหนือ เป็นประเทศเผด็จการสมบูรณ์แบบ (11) 5

เกาหลีเหนือ เป็นประเทศเผด็จการสมบูรณ์แบบ (11)

Share on Social Media facebook email 87 / 100 Powered by Rank Math SEO “เกาหลีเหนือ เป็นประเทศเผด็จการสมบูรณ์แบบ” เป็นบทความลำดับที่ 11 ของหมวด 14 เรื่องเล่า ประเทศเอเชียตะวันออก  มีหัวข้อประกอบด้วย ความนำ ตำแหน่งที่ตั้งของเกาหลีเหนือ  ขนาดพื้นที่ ประชากร ประวัติความเป็นมา การเมืองการปกครอง  อุดมการณ์ของชาติ ตระกูลคิม ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ความสัมพันธ์กับเกาหลีใต้ สิทธิมนุษยชน การทหาร สรุป ถาม-ตอบสนุก กับดร.ชา 369 “ประเทศเกาหลีเหนือ แม้เป็นประเทศขนาดเล็ก มีประชากรไม่มาก และมีฐานะยากจน แต่ก็สามารถเป็นประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์ และมีความแข็งแกร่งด้านการทหาร…

4 COMMENTS

  1. ประเทศที่แพ้สงครามโลก พัฒนาตนเองได้ดีกว่าประเทศที่ไม่ได้ตกเป็นเมืองขึ้น ของต่างชาติ มาจากสาเหตุอะไรคะ?

    1. ประเทศเยอรมันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มีความเจริญก้าวหน้าเป็นประเทศอุตสาหกรรมอยู่่แล้ว จึงเป็นประเทศมหาอำนาจประเทศหนึ่ง ดังนั้น แม้แพ้สงครามสงงครามโลกครั้งที่ 2
      และมีความเสียหายอย่างย่อยยับ แต่ก็พร้อมที่จะฟื้นฟูประเทศได้เร็วเพราะคนมีคุณภาพอยู่่แล้ว ประกอบกับได้รับความช่วยเหลือในการฟื้นฟูประเทศจากประเทศอเมริกาด้วย

  2. สมัยล่าอาณานิคม ประเทศเพื่อนบ้านเรามีแต่เป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส เยอรมันไปรบอยู่แถวไหนคะอาจารย์
    ขอบคุณค่ะ

    1. เยอรมัน ไม่ใช่นักล่าอาณานิคมเหมือนอังกฤษและฝรั่งเศส ซึ่งเป็นคู่แข่งกัน เยอรมันมีอาณานิคมอยู่บ้างแถบอาฟริกา หมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก

Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

Share on Social Media
%d bloggers like this: