69 / 100

หัวข้อที่ผมจะนำมาเล่าประกอบด้วย ภูมิหลัง แนวคิดเบื้องต้น ประเภทของจิต การวิเคราะห์ปัญหาและการกำหนดเป้าหมาย  หลักการเบื้องต้นของการฝึกสั่งจิตใต้สำนึก การสั่งจิตใต้สำนึกจากภายนอก การสั่งจิตใต้สำนึกจากภายใน การประเมินผลและการปรับเป้าหมาย สรุปและข้อคิดเห็น โดยในบทความ (2) ได้กล่าวถึงแนวคิดเบื้องต้นของการฝึกสั่งจิตใต้สำนึ

สำหรับบทความ (4) เป็นการเล่าถึงหลักการเบื้องต้นของการฝึกสั่งจิตใต้สำนึก ได้แก่ การวิเคราะห์ปัญหาและกำหนดเป้าหมายที่จะนำมาสั่งจิตใต้สำนึก ทำไมต้องสั่งจิตใต้สำนึก สภาวะที่จิตใต้สำนึกพร้อมจะรับคำสั่ง สรุปและข้อคิดเห็น

1.การวิเคราะห์ปัญหาและกำหนดเป้าหมายที่จะนำมาสั่งจิตใต้สำนึก

          ผมได้กล่าวมาแล้วในบทความ (3) ประเภทของจิตว่า จิตสำนึกและจิตใต้สำนึกมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด  หากสิ่งใดที่จิตสำนึกได้ออกคำสั่งไปยังจิตใต้สำนึกบ่อย ๆ ในที่สุดจิตใต้สำนึกก็จะยอมรับคำสั่งของจิตสำนึก กลายเป็นระบบอัตโนมัติใหม่ของจิต หากเมื่อใดที่เราอยู่ภายใต้สภาวะแวดล้อมที่เหมือนหรือใกล้เคียงกับสภาวะแวดล้อมที่จิตใต้สำนึกสะสมไว้เป็นระบบอัตโนมัติของจิต จิตใต้สำนึกก็จะสั่งให้ร่างกายตอบสนองสภาวะแวดล้อมดังกล่าวซึ่งเป็นสิ่งเร้าโดยอัตโนมัติ

            ดังนั้น การที่จะนำปัญหาใดมาสั่งจิตใต้สำนึกเพื่อสร้างระบบอัตโนมัติใหม่ขึ้นมา เราควรที่จะวิเคราะห์ปัญหาและกำหนดเป้าหมายที่เราต้องการจะสั่งจิตใต้สำนึกนั้น เป็นเป้าหมายที่เราต้องการจริง ๆ เพระหากไม่ใช่เป้าหมายที่เราต้องการจริง ๆ จิตใต้สำนึกจะไม่ยอมรับคำสั่งจากจิตสำนึก

            เมื่อจิตใต้สำนึกไม่ยอมรับคำสั่ง ย่อมหมายความว่า จิตไม่สามารถสร้างระบบอัตโนมัติอันใหม่ขึ้นมาได้

            ตัวอย่าง

            ในบรรดากลุ่มเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน นางสาวดาว จัดว่าเป็นคนคนสวยมาก  แต่ยังไม่สวยที่สุดต้องการทดสอบดูว่า จิตใต้สำนึกจะสามารถ ทำให้ตนกลายเป็นสวยที่สุดในกลุ่มเพื่อนได้ไหม จึงได้ทดสอบด้วยการลองสั่งจิตใต้สำนึกก่อนนอนทุกคืน และทุกเช้าหลังตื่นนอน

            หากนางสาวสั่งจิตใต้สำนึกด้วยความรู้สึกอยากทดสอบ การสั่งจิตใต้สำนึกของนางสาวดาวจะไม่ได้ผล เพราะนางสาวไม่มีความต้องการอย่างแท้จริงที่จะเป็นคนสวยที่สุดในกลุ่มเพื่อน แค่อยากทดสอบการสั่งจิตใต้สำนึกดูเท่านั้นเอง

2.ทำไมต้องสั่งจิตใต้สำนึก

          หากเราต้องการจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราไปสู่ความเจริญก้าวหน้า จำเป็นต้องให้จิตใจส่วนลึกของเรายอมรับเสียก่อน เพราะถ้าจิตใจส่วนลึกของเราไม่ยอมรับ การกระทำหรือพฤติกรรมในการดำรงชีวิตของเราก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม และเมื่อการกระทำหรือพฤติกรรมในการดำรงชีวิตของเราไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ผลลัพธ์ก็จะไม่มีอะไรใหม่ เพราะผลย่อมมาจากเหตุ เมื่อเหตุไม่เปลี่ยนผลก็จะไม่เปลี่ยน

            ตัวอย่าง

          นายแดง เป็นคนพูดจาไม่ไพเราะ แถมยังหยาบคาย ชอบใช้คำพูดหยาบกับขาว ซึ่งเป็นลูกชาย แต่เขาก็อยากให้ขาวเป็นคนพูดจาไพเราะ เมื่อได้ยินลูกพูดจาไม่ไพเราะครั้งใด เขาก็จะดุด่าขาวด้วยถ้อยคำหยาบคาย ถ้าเป็นเช่นนี้ ขาวก็คงยากที่จะพัฒนาตนเองให้เป็นคนพูดจาไพเราะได้ เพราะจิตใต้สำนึกของขาวได้ยินได้ฟังแต่คำพูดหยาบคายจากแดงผู้เป็นพ่ออยู่ทุกวัน

            ในทางตรงกันข้าม หากแดงพัฒนาตนเองด้วยการหัดพูดจาสุภาพเรียบร้อยกับขาวทุกวัน เลิกการพูดจาหยาบคายกับขาวได้เด็ดขาด ย่อมจะทำให้จิตใต้สำนึกของขาวได้ยินได้ฟังแต่คำพูดจาที่สุภาพ เรียบร้อย ถ้าเป็นเช่นนี้ ขาวลูกของแดง ก็จะกลายเป็นคนพูดจาสุภาพเรียบร้อยได้ภายในเวลาไม่นาน

3.สภาวะที่จิตใต้สำนึกพร้อมจะรับคำสั่ง

          หากต้องการจะให้จิตใต้สำนึกพร้อมจะรับคำสั่งของจิตสำนึก ต้องสั่งในขณะที่จิตใจของเราสงบ ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่ใช่คิดอยากจะสั่งจิตใต้สำนึกเมื่อก็ได้  สภาวะที่จิตใต้สำนึกพร้อมจะรับคำสั่งคือสภาวะที่เงียบสงบ เช่น

            3.1เวลาก่อนนอน

            ปกติคนเรามักจะเข้านอนในช่วงเวลาระหว่าง 22.00-24.00 น.การสั่งจิตใต้สำนึก ในเวลาก่อนนอน มักจะได้ผลดี เพราะบรรยากาศจะเงียบสงบ ไม่ค่อยมีเสียงจากภายนอกรบกวน ตัวเราก็เริ่มจะรู้สึกง่วงแล้ว ไม่คิดถึงเรื่องอื่น คิดแต่เรื่องจะเข้านอนพักผ่อน ทำให้จิตใจของเราสงบ หากเลือกสั่งจิตใต้สำนึกในเวลาเช่นนี้ ก็จะได้ผลดีเพราะจิตใต้สำนึกพร้อมที่จะรับคำสั่ง

เวลาก่อนเข้านอน เป็นเวลาเหมาะสมใน     
 การสั่งจิตใต้สำนึก
เวลาก่อนเข้านอน เป็นเวลาเหมาะสมใน
การสั่งจิตใต้สำนึก

            3.2 เวลาตื่นนอนใหม่ ๆ

          ปกติคนเรามักจะตื่นนอนระหว่างเวลา 04.30-06.00 น. เมื่อเราตื่นนอนใหม่ ๆ ยังไม่ลุกจากที่นอน เรามักจะรู้สึกง่วงอยู่ และบรรยากาศโดยรอบก็ยังเงียบสงบ ไม่มีเสียงจากภายนอกรบกวน หากจะสั่งจิตใต้สำนึกในเวลาอย่างนี้ จะทำให้จิตใต้สำนึกพร้อมที่จะรับคำสั่ง

เวลาตื่นนอนใหม่ ๆ ก็เหมาะที่จะสั่งจิตใต้สำนึก
เวลาตื่นนอนใหม่ ๆ ก็เหมาะที่จะสั่งจิตใต้สำนึก

            3.3 การได้ยินได้ฟังหรือได้กระทำบ่อย ๆ

            หากสิ่งใดที่เราได้ยินได้ฟังหรือได้กระทำบ่อย ๆ เท่ากับเป็นการทำให้จิตใต้สำนึกยอมรับคำสั่งโดยปริยาย แม้เราจะไม่ได้ตั้งใจสั่งให้จิตใต้สำนึกยอมรับก็ตาม

            ตัวอย่าง

          นางสาวดำ มีความฝันอยากจะพูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่วเหมือนเจ้าของภาษา พยายามฝึกฝนมาเป็นเวลายาวนานมาหลายปี เวลาเรียนก็เลือกเรียนปริญญาตรีเอกภาษาอังกฤษ แต่ฝึกเท่าใดก็ไม่ได้ดังใจหวัง

            อยู่มาวันหนึ่ง นางสาวดำได้รู้จักหนุ่มฝรั่งคนหนึ่ง   ทั้งคู่ถูกชะตากัน ตกลงแต่งงานอยู่กินกันเป็นสามีภรรยา และตัดสินใจไปใช้ชีวิตที่อเมริกา ทำให้สิ่งที่นางสาวดำฝันมาทั้งชีวิตได้กลายเป็นความจริง เพราะการที่เธอได้สามีเป็นฝรั่งแถมได้ย้ายไปอยู่อเมริกา ทำให้สามารถเรียรู้การใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างรวดเร็ว เพราะได้ยินได้ฟังและได้ใช้วิถีชีวิตแบบอเมริกันทุกวัน  สิ่งเคยว่ายากก็กลายเป็นเรื่องง่ายนิดเดียวเพราะจิตใต้สำนึกของเธอยอมรับสิ่งที่เธอได้ยินได้ฟังหรือได้กระทำบ่อย ๆ กลายเป็นระบบอัตโนมัติใหม่ของจิตขึ้นมา

            3.4 การใช้คำสั่งจิตใต้สำนึกด้วยความคิดด้านบวก

            การใช้ความคิดด้านบวกในการสั่งจิตใต้สำนึก จะทำให้จิตของเราไม่รู้สึกขัดแย้งกันเองว่าผิดหรือถูก ทำให้จิตใต้สำนึกพร้อมที่จะรับคำสั่งจากจิตสำนึก แต่ถ้าใช้ความคิดด้านลบ จะทำให้จิตของเราสับสน เกิดการโต้แย้งภายในจิตของเรา ทำให้จิตใต้สำนึกยากที่จะยอมรับได้

            ตัวอย่าง

          น้ำเงิน มีปัญหาการเงิน มีหนี้สินที่เกิดจากความสุรุ่ยสุร่ายฟุ่มเฟือย หากน้ำเงินบอกตัวเองบ่อย ๆ ว่า ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งเมื่อใดจะปลดหนี้ให้หมดแล้วค่อยเริ่มต้นชีวิตใหม่ การที่น้ำเงินคิดว่า เอาไว้ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งแล้ว ค่อยปลดหนี้และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เท่ากับเป็นการสร้างความคิดลบให้แก่ตนเอง เพราะน้ำเงินก็ตระหนักดีอยู่แล้วว่า โอกาสจะถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งนั้น เลื่อนลอยมาก ดังนั้น จิตใต้สำนึกก็จะไม่ยอมรับคำสั่งอันเลื่อนลอยของน้ำเงินดังกล่าว ในที่สุดน้ำเงินก็มีแต่จะมีหนี้สินรุงรุงเหมือนดินพอกหางหมูไปเรื่อย ๆ

          ในทางตรงกันข้าม หากน้ำเงินบอกตนเองบ่อย ๆ ว่า ต้องตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นหรือฟุ่มเฟือยออกไปให้หมด เพื่อจะมีเงินสะสมไปชำระหนี้ ตลอดมีเงินลงทุนในบางอย่างที่เหมาะสมกับความรู้ความสามารถของตน จิตใต้สำนึกของน้ำเงินก็จะยอมรับคำสั่ง เพราะเป็นคำสั่งในเชิงบวกและมีความเป็นไปได้

4.สรุปและข้อคิดเห็น

        หลักการเบื้องต้นของการสั่งจิตใต้สำนึก คือ จะต้องเริ่มต้นด้วยการวิเคราะห์ปัญหาชีวิตที่เราเผชิญอยู่ว่า คืออะไร ต่อจากนั้นให้เรากำหนดลงไปให้ชัดเจนว่า เพื่อจะแก้ปัญหาที่เผชิญอยู่ให้ประสบผลสำเร็จ เรามีเป้าหมายอย่างไร เพราะเราต้องนำเอาเป้าหมายดังกล่าวไปสั่งจิตใต้สำนึกให้จดจำ

            การที่จะต้องสั่งจิตใต้สำนึกเพื่อให้เราสามารถแก้ปัญหาสำเร็จก็เพราะ ความคิดของจิตสำนึกเป็นเพียงความคิดในการหาเหตุผล ยังไม่ใช่เป็นการลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง หากต้องการให้มีการลงมือปฏิบัติอย่างจริงจังและต่อเนื่องจนกว่าจะประสบผลสำเร็จ จะต้องสร้างระบบอัตโนมัติของจิตขึ้นมา นั่นคือ การสั่งจิตใต้สำนึกบ่อย ๆ

            แต่การสั่งจิตใต้สำนึกให้ได้ผล ต้องสั่งในสภาวะที่จิตใต้สำนึกพร้อมที่จะรับคำสั่ง คือ ต้องมีสภาวะแวดล้อมเอื้ออำนวย  บรรยากาศเงียบสงบ ไม่มีเสียงรบกวนจากภายนอก การสั่งจิตใต้สำนึกต้องสั่งบ่อย ๆ และสั่งด้วยความคิดด้านบวก เพราะถ้าสั่งด้วยความคิดด้านลบ อาจจะทำให้จิตเกิดความสับสนว่าจะเชื่อดีไหม หรือถ้าเชื่อ ก็อาจจะนำไปสู่การกระทำที่เป็นลบ ผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีงาม

            ผมหวังว่า ท่านผู้อ่านคงพอจะเข้าในหลักการเบื้องต้นของการสั่งจิตใต้สำนึก

            พบกันใหม่ในบทความต่อไป “การสั่งจิตใต้สำนึกจากภายนอก”

            ขอขอบคุณทุกท่านที่กรุณาติดตามบทความที่ผมเขียนด้วยดีเสมอมา

              ดร.ชา

          29/06/20

           10.00 น.

“หากบทความนี้ถูกใจท่าน และท่านมีความประสงค์จะสนับสนุนให้บทความนี้แพร่หลายออกไป กรุณามีส่วนร่วมด้วยการกดไลค์ กดแชร์ไปยังกลุ่มบุคคลหรือบุคคลในเครือข่ายของท่าน หรือแสดงความคิดเห็น รวมทั้งสมัครเป็นผู้ติดตามได้ตามอัธยาศัย และขอขอบคุณทุกท่านเป็นอย่างสูงไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย

         กรุณาดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในเพจ การสมัครเป็นผู้ติดตามและการมีส่วนร่วม ของเว็บไซต์นี้ คือ รวมเรื่องเล่า สนุกและสร้างสรรค์ ชุดประสบการณ์นักปกครองที่น่าสนใจ (https://tridirek.com)

Dr.Char

Mr.Chartri DireksriMr.Chartri Direksriดร.ชาตรี ดิเรกศรี (Dr.Chartri Direksri) เคยรับราชการเป็นนักปกครองในตำแหน่งปลัดอำเภอตรี เมื่อปีพ.ศ.2517 ผ่านการดำรงตำแหน่งนายอำเภอหลายอำเภอ เป็นปลัดจังหวัด และเกษียณอายุราชการในตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด เมื่อปีพ.ศ.2554 นอกจากนี้ยังเคยเป็นอาจารย์ผู้บรรยายพิเศษ หลักสูตรปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นเวลา 9 ปี

RELATED ARTICLES

หมอ พยายาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อรักษาคนติดเชื้อโรคโควิด-19

การบริหารในสถานการณ์ฉุกเฉินกรณีโรคโควิด-19: ความรุนแรงของสถานการณ์ และแนวคิดในการแก้ปัญหา(1)

Share on Social Media facebook email 68 / 100 Powered by Rank Math SEO การมองการบริหารในสถานการณ์ฉุกเฉินกรณรีโรคโควิด-19 ด้วยประสบการณ์การบริหารเพื่อแก้ปัญหาโรคไข้หวัดนก ปีพ.ศ.2547  (1) อาจมองได้หลายมิติ ในตอนแรกนี้ จะขอกล่าวถึงมิติด้านความรุนแรงของสถานการณ์ และแนวคิดในการแก้ปัญหา 1.ความรุนแรงของสถานการณ์โรคโควิด-19 ระบาด อาจมองความรุนแรงของสถานการณ์โรควิด-19 ได้เป็น 2 ระดับโลก และความรุนแรงของสถานการณ์โรคโควิด-19 ในประเทศไทย             1.1ความรุนแรงของสถานการณ์โรคโควิด-19 ระดับโลก           ความรุนแรงของสถานการณ์โรคโควิด-19 (Covid-19) หรือโรคไวรัสโคโรนา (Virus Corona) ถือได้ว่า เป็นโรคระบาดจากคนไปสู่คนและแพร่กระจายไปทั่วโลก โดยเริ่มต้นจากประเทศจีนไปสู่อีกหลายประเทศอย่างรวดเร็วทั้งในเอเชีย ยุโรป และอเมริกา มียอดผู้ติดเชื้อ…

พระพุทธเจ้า มีคาถารักษาโรคเรื้อรังได้หรือไม่ (16)(New***) 2

พระพุทธเจ้า มีคาถารักษาโรคเรื้อรังได้หรือไม่ (16)(New***)

Share on Social Media facebook email 90 / 100 Powered by Rank Math SEO “พระพุทธเจ้า มีคาถารักษาโรคเรื้อรังได้หรือไม่” นับเป็นบทความลำดับที่ 16 ของหมวด 7 เรื่องเล่า ประสบการณ์ปฏิบัติธรรม เพื่อคลายทุกข์ มีเนื้อหาประกอบด้วย ความนำ  พระพุทธเจ้ามีหลักคำสอนว่าอย่างไร   ประเภทของโรค โรคเรื้อรัง โรคเรื้อรังที่น่าสนใจ แนวทางในการรักษาโรคเรื้อรัง คาถารักษาโรคทุกโรคของพระพุทธเจ้า ทำไมจึงควรนำคาถานี้ไปใช้ในการรักษาโรคเรื้อรัง ประสบการณ์ในการนำคาถานี้มาใช้ ขั้นตอนและแนวทางในการนำคาถานี้ไปใช้ การบริกรรมคาถา การอธิษฐานจิต การสั่งจิตใต้สำนึก การสร้างมโนภาพ  ตัวอย่างการอธิษฐานจิตรวมทุกโรค ตัวอย่างการอธิษฐานจิตเฉพาะโรค สรุป ถาม-ตอบสนุก กับดร.ชา 369          …

ไต้หวัน มีความเจริญมากน้อยเพียงใด (12) 4

ไต้หวัน มีความเจริญมากน้อยเพียงใด (12)

Share on Social Media facebook email 87 / 100 Powered by Rank Math SEO “ไต้หวัน มีความเจริญมากน้อยเพียงใด” เป็นบทความลำดับที่ 12 ของหมวด 14 เรื่องเล่า ประเทศเอเชียตะวันออก มีหัวข้อ ดังนี้ ความนำ  ประวัติความเป็นมาของไต้หวันโดยย่อ ตำแหน่งที่ตั้งและขนาดพื้นที่ ประชากร (จำนวน เชื้อชาติ และศาสนา) การปกครอง เมืองหลวง ความสัมพันธ์กับต่างประเทศ  ตัวชี้วัดความเจริญทางเศรษฐกิจ ตัวชี้วัดความเจริญในด้านอื่น ๆ   สรุป ถาม-ตอบสนุก กับดร.ชา 36           “ไต้หวันหรือจีนไทเป เป็นประเทศที่ได้ชื่อว่า เป็นเสือตัวหนึ่งในบรรดาสี่ตัวของเอเชีย…

เกาหลีเหนือ เป็นประเทศเผด็จการสมบูรณ์แบบ (11) 5

เกาหลีเหนือ เป็นประเทศเผด็จการสมบูรณ์แบบ (11)

Share on Social Media facebook email 87 / 100 Powered by Rank Math SEO “เกาหลีเหนือ เป็นประเทศเผด็จการสมบูรณ์แบบ” เป็นบทความลำดับที่ 11 ของหมวด 14 เรื่องเล่า ประเทศเอเชียตะวันออก  มีหัวข้อประกอบด้วย ความนำ ตำแหน่งที่ตั้งของเกาหลีเหนือ  ขนาดพื้นที่ ประชากร ประวัติความเป็นมา การเมืองการปกครอง  อุดมการณ์ของชาติ ตระกูลคิม ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ความสัมพันธ์กับเกาหลีใต้ สิทธิมนุษยชน การทหาร สรุป ถาม-ตอบสนุก กับดร.ชา 369 “ประเทศเกาหลีเหนือ แม้เป็นประเทศขนาดเล็ก มีประชากรไม่มาก และมีฐานะยากจน แต่ก็สามารถเป็นประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์ และมีความแข็งแกร่งด้านการทหาร…

6 COMMENTS

  1. หนูเคยเข้าคอร์สเรียนกับโค้ชสอนเรื่องนี้ค่ะ ใช้หลักผสมผสานระหว่างจิตวิทยาและหมอดู
    โค้ชสะกดจิต ตอนที่หนูมีอาการภวังค์ โค้ชใส่ข้อมูลให้หนูได้รับเงินเดือน 500บาท ต่อเดือน
    และห้ามไปทำงาน ถ้าจะไปทำงานอะไรก็ต้องบอก

    วันนี้จึงรู้ว่า โค้ชต้องการเงินค่าดูดวง ครั้งแรก3,500บาท ต่อไป เพิ่มเป็น5,000บาท และ9,000บาท
    หนูดูครั้งแรกจึงหยุดแล้ว เลิกติดต่อทุกช่องทาง ค่ะ

    1. อะไรก็ตามที่ดูแปลก ๆ ก็น่าจะมีอะไรแอบแฝง ถือเป็นประสบการณ์ คราวต่อไปเราจะได้ระมัดระวังตัว ไม่ให้เขาหลอกได้อีก

  2. ขอบคุณครับที่แนะนำวิธีการสั่งจิตใต้สำนึก เพื่อจักได้เป็นประ่โยชน์ต่อการปรับปรุง พัฒนาตนเองต่อไปครับ

  3. อาจารย์มีความคิดเห็นอย่างไรคะ เกี่ยวกับไลฟ์โค้ช ที่เป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ค่ะ

    1. คงต้องฟังเจ้าตัวชี้แจงก่อนมั้ง เราต้องฟังความสองข้างก่อน อย่าเพิ่งสรุปอะไรเร็วจนเกินไป

Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

Share on Social Media
%d bloggers like this: