มูลเหตจูงใจในการนำในการเขียนบทความชุด เรื่องเล่าความสนุกกับประสบการณ์อันยาวในการรู้จักตนเองและคนรอบข้าง มีอยู่ 5 ประการ กล่าวคือ ข้อแรก ผมได้พิสูจน์ด้วยตนเองตามหลักของการวิจัยวิธีนิรนัย (Deduction) มาเป็นระยะเวลายาวนานร่วม 45 ปีแล้วเห็นว่า การรู้จักอุปนิสัยบุคคลจากตัวเลขวันที่ที่เกิดเชื่อถือได้ ข้อสอง การรู้จักอุปนิสัยบุคคล จะทำให้เราทราบว่าควรจะปรับรูปแบบความสัมพันธ์กับบุคคลนั้นให้ดีได้อย่างไร ข้อสาม อุปนิสัยบ่งบอกพฤติกรรมและเส้นทางในอนาคตของบุคคล ข้อสี่ หากปรับอุปนิสัยได้ เส้นทางในอนาคตก็อาจจะเปลี่ยนได้ และข้อสุดท้าย คืออาจจะมีข้อจำกัดในการปรับอุปนิสัย
Table of Contents
1.ประสบการณ์จากการพิสูจน์ความจริงด้วยวิธีการนิรนัย (Deduction)
การพิสูจน์ความจริงด้วยวิธีการนิรนัย หมายความว่า กรณีมีหลักการในบางเรื่อง ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปอยู่แล้ว แต่เรามีความสงสัยว่า หลักการดังกล่าวจะยังเป็นความจริงอยู่ไหม เราจึงกำหนดกลุ่มตัวอย่างที่จะใช้พิสูจน์ความจริงดังกล่าว ต่อจากนั้น ก็เก็บรวบรวมข้อมูล และนำข้อมูลมาวิเคราะห์ว่า เป็นไปตามหลักการที่เราต้องการจะพิสูจน์หรือไม่ เพียงใด

หากผลการพิสูจน์ปรากฏว่า หลักการดังกล่าวถูกต้อง ก็เท่ากับเป็นการยืนยันความถูกต้องของหลักการนั้น แต่ถ้าผลการพิสูจน์ออกมาว่า หลักการดังกล่าวไม่ถูกต้อง ก็อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างองค์ความรู้ใหม่ขึ้นมา
ผมเองได้ใช้เวลาร่วม 45 ปี ในการพิสูจน์ความจริงว่า ตามตำราขอไคโรที่กล่าวถึงอุปนิสัยของบุคคลย่อมแตกต่างกันไปตามตัวเลขวันที่ที่เกิด 1-9 ด้วยการสังเกตพฤติกรรมของคนใกล้ชิดหรือคนรอบข้าง รวมทั้งสอบถามเจ้าตัว ตลอดจนศึกษาวันที่ที่เกิดของบุคคลสำคัญจากประวัติศาสตร์บ้าง ดูวันที่ที่เกิดของบุคคลสำคัญในหน้าหนังสือพิมพ์บ้าง ยังไม่พบว่า มีอุปนิสัยของบุคคลตามเลขวันที่ที่เกิด หมายยเลข 1-9 รายใดที่ผิดแผกไปจากตำราของไคโรเลย ดังนั้น ผมจึงมั่นใจในความถูกต้องในหลักของการดูอุปนิสัยบุคคลตามเลขวันที่ที่เกิดของไคโร ทำให้อยากจะนำออกเผยแพร่ให้ท่านผู้สนใจหรือท่านผู้อ่าน ได้ลองอ่านและศึกษาดูบ้าง
หากยังมิได้พิสูจน์ความถูกต้องของการดูอุปนิสัยบุคคลตามเลขวันที่ที่เกิดของไคไรดังกล่าว ผมคงไม่กล้าเขียนบทความชุดนี้แน่ เพราะผมก็เกรงถูกกล่าวหาเหมือนกันว่า งมงาย ไร้สาระ แต่ผมไม่ได้เรียกร้องให้ท่านผู้อ่านเชื่อตามผมนะ เรื่องนี้ ต้องลองพิสูจน์ดูด้วยตัวท่านเอง
2.การรู้จักอุปนิสัยนำไปสู่การปรับความสัมพันธ์ที่ดี
การมีความสัมพันธ์อันดีกับคนในครอบครัว เพื่อนบ้าน เพื่อนร่วมงาน หรืออาจกล่าวรวม ๆ ได้ว่า คนรอบข้างนั่นเอง ผมคิดว่า คงเป็นที่ต้องการของทุกคน เพราะการมีความสัมพันธ์อันดีกับคนรอบข้างย่อมนำมาซึ่งความสุข ในทางตรงกันข้าม การมีความขัดแย้งกันย่อมนำมาซึ่งความทุกข์

ปกติการที่จะรู้จักอุปนิสัยคนใดคนหนึ่ง เราต้องใช้เวลานานพอสมควรจึงจะสามารถเรียนรู้อุปนิสัยของบุคคลนั้นได้ และไม่แน่นักว่า อุปนิสัยที่เรารู้ด้วยการสังเกตพฤติกรรมของบุคคลนั้น จะเป็นอุปนิสัยที่แท้จริงหรือไม่ แต่อุปนิสัยที่เรารู้จากหลักของไคโรจะเป็นอุปนิสัยที่แท้จริง
ตัวอย่าง
หากท่านมีเพื่อนร่วมงานเป็นบุคคลหมายเลข 5 ต้องถือว่า ท่านโชคดี เพราะบุคคลหมายเลข 5 เป็นคนกันเอง มีความเป็นมิตรกับคนรอบข้าง ท่านย่อมสามารถเป็นมิตรกันได้ง่าย
แต่ถ้ามีเพื่อนร่วมงานเป็นบุคคลหมายเลข 1 เขาจะพยายามเป็นผู้นำของท่าน ชอบออกคำสั่งให้ท่านปฏิบัติตาม อาจจะทำให้ท่านรู้สึกอึดอัด ถ้าท่านเป็นชอบอยู่อย่างอิสระ ดังนั้น หากท่านไม่ค่อยชอบการออกคำสั่งของเขา ท่านอาจเลือกที่จะปลีกตัวออกอยู่ห่าง ๆ
3.อุปนิสัยบ่งบอกพฤติกรรมและเส้นทางในอนาคต
3.1 อุปนิสัยบ่งบอกพฤติกรรม
การที่บุคคลจะมีพฤติกรรมไปในลักษณะใด ย่อมเกิดจากอุปนิสัยที่แท้จริงของบุคคลนั้นว่า เป็นคนเช่นไร เช่น

บุคคลหมายเลข 1 เป็นคนที่มีความทะเยอทะยาน ต้องการเป็นใหญ่ และมีความคิดริเริ่ม พฤติกรรมในการแสดงออกมักจะออกมาในรูปแบบของการชอบออกคำสั่งให้คนนี้ คนนั้น ทำอย่างนี้อย่างนั้น ชอบการรวมผู้คนให้เข้ามาเป็นบริวาร และชอบแสวงหาโอกาสและช่องทางที่จะทำให้ตนเจริญก้าวหน้าเป็นใหญ่เป็นโตต่อไป
บุคคลหมายเลข 2 เป็นคนที่มีอารมณ์สุนทรีย์ มีจิตใจดี ไม่สนใจในเรื่องของวัตถุมากนัก ชอบการประนีประนอม ไม่ชอบการแตกหัก
3.2 อุปนิสัยบ่งบอกเส้นทางในอนาคต
เมื่ออุปนิสัยกำหนดพฤติกรรมของบุคคลแล้ว ตัวพฤติกรรมนั่นแหละที่จะบ่งบอกอนาคตของบุคคลนั้นว่าจะไปในทิศทางใด จะเจริญก้าวหน้าหรือไม่ เพียงใด

ตัวอย่าง
บุคคลหมายเลข 3 เป็นบุคคลที่มีความทะเยอทะยานเช่นเดียวบุคคลหมายเลข 1 และมีความมุ่งมั่น ไม่ย่อท้อ ต้องการสิ่งใดก็จะไม่ละความพยายาม เชื่อได้ว่า บุคคลเช่นนี้จะประสบความสำเร็จในชีวิตแน่นอน หากรับราชการก็จะได้เป็นใหญ่เป็นโต เช่น หากรับราชการเป็นนักปกครอง อย่างน้อยที่สุดก็น่าจะได้เป็นนายอำเภอ เป็นต้น
บุคคลหมายเลข 5 เป็นบุคคลที่คล่องแคล่วในการประสานงาน สามารถเข้าได้กับคนทุกระดับ เชื่อว่า จะเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน
4.ประสบการณ์การปรับอุปนิสัยเพื่อเปลี่ยนแปลงเส้นทางในอนาคต
พฤติกรรมของบุคคลเป็นตัวกำหนดเส้นทางในอนาคต แต่พฤติกรรมของบุคคลย่อมเกิดจากอุปนิสัยว่า เป็นคนเช่นไร ดังนั้น ถ้าหากอยากจะเปลี่ยนแปลงเส้นทางในอนาคต ก็จะต้องเริ่มด้วยการปรับอุปนิสัยบางอย่างที่เป็นปัญหาหรือเป็นอุปสรรคต่อความของเรา เมื่อปรับอุปนิสัยบางอย่างได้ก็จะทำให้พฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม และเมื่อพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เส้นทางในอนาคตก็อาจจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่เราต้องการได้เช่นกัน

ตัวอย่าง
ในอดีตผมเคยสูบบุหรี่มาก่อน ผมได้ใช้เวลาช่วงพักร้อน 10 วัน ซึ่งเป็นช่วงเวลาของการอยู่คนเดียว ไม่มีเพื่อนร่วมงานที่ชอบสูบบุหรี่อยู่่ใกล้ ๆ ผมได้พยายามข่มใจอย่างเต็มที่โดยไม่ยอมแตะบุหรี่เลยในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งทำให้สามารถเลิกบุุหรี่ได้อย่างเด็ดขาดนับตั้งแต่ปี พ.ศ.2526 จนกระทั่งทุกวันนี้
การปรับอุปนิสัยที่ไม่ดีบางอย่างซึ่งเป็นอุปสรรคต่อความเจริญก้าวหน้าของเรา แม้อาจจะยาก แต่ถ้าฝืนใจทำสักระยะก็อาจจะเกิดความเคยชิน กลายเป็นอุปนิสัยใหม่ได้ อย่างที่เรียกกันในยุคโควิด-19 ระบาด ว่า นิวนอร์มอล (New Normal) หรือวิถีชีวิตใหม่นั่นเอง
5.ข้อจำกัดของเส้นทางในอนาคต
แม้บุคคลหมายเลขเดียวกันจะมีอุปนิสัยคล้าย ๆ กัน แต่ความสำเร็จในอนาคตอาจจะแตกต่างกันไป เนื่องจากมีข้อจำกัดอย่างน้อย 2 ประการ คือ
5.1สภาวะแวดล้อม
การที่บุคคลได้เกิดหรือได้เจริญเติบโตในสภาวะแวดล้อมที่แตกต่างกัน แม้อาจจะมีอุปนิสัยใกล้เคียงกัน แต่เส้นทางไปสู่ความสำเร็จในอนาคตอาจจะแตกต่างกัน เพราะการมีปัจจัยแวดล้อมที่แตกต่างกัน ย่อมทำให้ชีวิตบุคคลมีโอกาสและอุปสรรคที่แตกต่างกัน เช่น บุคคลหมายเลข 1 หากเกิดในถิ่นโจร เมื่อโตขึ้นก็อาจจะได้เป็นหัวหน้าโจร แต่ถ้าเกิดในครอบครัวของคนทั่วไป ย่อมจะมีโอกาสเจริญก้าวหน้าขึ้นไปเป็นหัวหน้าหรือนายคน
5.2 บุญวาสนา
การที่คนเราจะเจริญก้าวหน้า มั่งมีศรีสุข มีเกียรติและศักดิ์ศรีไปได้มากน้อยเพียงใด บุญวาสนาคือตัวขีดจำกัด หมายความว่า คนที่เคยสร้างบุญกุศลในชาติปางก่อนมามากกว่า ย่อมมีทุนเดิมที่เหนือกว่าคนที่ได้สร้างบุญกุศลไว้น้อยกว่า เหมือนดังภาษิตจีนที่ว่า “ ความพยายามเป็นของมนุษย์ แต่ความสำเร็จเป็นของฟ้า ”
มีกรณีตัวอย่างเมื่อเร็ว ๆนี้ มีคนขับแท้กซี่รายหนึ่ง เจอพิษโรคโควิด-19 ไม่มีงานทำเพราะไม่มีผู้โดยสารเรียกรถ ทำให้ไม่มีเงินไปจ่ายค่างวดรถ ลูกเต้าที่มีอยู่ ก็ไม่อาจจะช่วยเหลือได้ จึงคิดอยากจะฆ่าตัวตาย เคราะห์ดีมีคนช่วยไว้ทัน และได้มีคนนำเรื่องราวอันเศร้าสร้อยของคนขับแท้กซี่ผู้น่าสงสารคนนั้น เผยแพร่อออกอากาศและทางสื่อสังคม ทำให้มีคนสงสารและเห็นใจเป็นจำนวนมาก จึงมีคนโอนเงินเข้าบัญชีในคืนเดียวได้เงินเข้าบัญชีมากกว่า 8 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่า คนขับแท้กซี่คนนี้ต้องมีบุญเก่ามาก แทนที่จะตายเพราะฆ่าตัวตาย แต่กลับไม่ตาย ตรงกันข้ามกลับมีคนช่วยไว้ทัน แถมยังมีคนเมตตาสงสารอย่างล้นหลาม แค่คืนเดียวมีคนโอนเงินเข้าบัญชีมากกว่า 8 ล้านบาท
ท่านผู้อ่านว่า เป็นเรื่องเหลือเชื่อไหม
6.สรุป
มูลเหตุจูงใจในการเขียนบทความชุด เรื่องเล่าความสนุกกับประสบการณ์อันยาวนานในการรู้จักตนเองและคนรอบข้าง มีอยู่ 5 ประการ คือ ข้อแรก ผมได้พิสูจน์แล้วว่า หลักการดูอุปนิสัยบุคคลจากเลขวันที่ที่เกิดของไคโร ที่มีมาตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 เป็นเรื่องที่เชื่อถือได้ โดยผมได้ใช้เวลาพิสูจน์มาเป็นเวลายาวนานร่วม 45 ปี ข้อที่สอง การรู้จักอุปนิสัยที่แท้จริงของบุคคลช่วยให้เราสามารถปรับความสัมพันธ์อันดีกับบุคคลเหล่านั้นได้ ข้อที่สาม การรู้จักอุปนิสัยจะทำให้รู้จักพฤติกรรมและเส้นทางในอนาคตของบุคคล ข้อสี่ หากอยากเปลี่ยนแปลงเส้นทางอนาคต จะต้องเปลี่ยนแปลงที่อุปนิสัยให้ได้ และข้อสุดท้าย คือข้อจำกัดของเส้นทางในอนาคต
ผมคิดว่า บทความนี้คงจะทำให้ท่านผู้อ่านเข้าใจได้ดีว่า ทำไมผมจึงอยากเขียนบทความชุดนี้ออกเผยแพร่ ทั้ง ๆ ที่อาจจะดูเป็นการเสี่ยงอยู่บ้างต่อการทำให้คนบางคนหรือบางกลุ่มที่ไม่เข้าใจและไม่ยอมที่จะเข้าใจ ตำหนิติเตียนหรือดูหมิ่นดูแคลนเอาว่า เป็นเรื่องไร้เหตุผลและไร้สาระ มีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะหลงเชื่อ
ก่อนจะสรุปว่า ถูกต้องหรือไม่่ ท่านผู้อ่านไม่คิดจะศึกษาและทดสอบกับคนรอบข้างบ้างหรือ
พบกันในบทความต่อไป เรื่องราวของบุคคลหมายเลข 1
ขอบคุณนะครับ
ดร.ชา / 6 พฤษภาคม 2563
ดีจริงค่ะท่านอาจารย์ สรุปให้ว่าได้ลองทดสอบมาแล้ว
เรื่องแบบนี้เป็นดาบสองคม หากเราไม่แน่ใจก็ไม่ควรเอามาเผยแพร่
มนุษย์มีอุปนิสัย และพฤติกรรมที่ซับซ้อน ยากที่จะมีสูตรสำเร็จมากำหนดให้ผลออกมาเหมือนกันได้ บุญวาสนา จึงเป็นคำตอบที่ดีที่ทำให้คลายความผิดหวังบางประการของมนุษย์ลงได้ครับ
ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น ผู้หมวด