ระบบ ตำรวจแห่งชาติ ญี่ปุ่น- กระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่น- (ตอนจบ) (15) จะกล่าวถึง องค์กรตำรวจญี่ปุ่นระดับจังหวัด สถานีตำรวจ ตู้ยาม งบประมาณและอัตรากำลัง สรุป และคุยกับดร.ชา
1.ความนำ
ในบทความที่แล้ว คือ บทความ (14) ตำรวจแห่งชาติ ได้เล่าถึงการจัดโครงสร้างของตำรวจญี่ปุ่น การจัดองค์กรตำรวจญี่ปุ่นในระดับชาติ และการจัดองค์กรตำรวจญี่ปุ่นในระดับเขต กล่าวคือ การจัดโครงสร้างตำรวจญี่ปุ่น อยู่บนพื้นฐานของหลักการรวมอำนาจพร้อมกับการกระจายอำนาจไปให้ท้องถิ่นคือจังหวัด ในส่วนของการจัดองค์กรระดับชาติ แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ คณะกรรมการความปลอดภัยสาธารณะแห่งชาติ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้แบ่งพื้นที่ทั่วประเทศเป็น 7 เขต เพื่อให้แบ่งเบาภาระสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการสนับสนุนการปฏิบัติงานของตำรวจจังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 47 จังหวัด
สำหรับบทความนี้ จะเล่าถึง การจัดองค์กรตำรวจญี่ปุ่นระดับจังหวัด สถานีตำรวจและตู้ยาม งบประมาณและอัตรากำลังในการบริหารตำรวจญี่ปุ่น
หากจะเปรียบเทียบกับบทละคร ระบบตำรวจญี่ปุ่น พระเอกคือตำรวจจังหวัด ส่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คือผู้สนับสนุนและผู้กำกับดูแลการปฏิบัติงานของตำรวจจังหวัดให้ได้มาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ
2. องค์กรตำรวจระดับจังหวัด (Prefectural Police Organizations)
ดังได้กล่าวมาแล้วว่า ระบบตำรวจของญี่ปุ่น แม้จะเป็นระบบตำรวจแห่งชาติ แต่มิได้รวมอำนาจไว้ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในทางตรงกันข้าม กลับกระจายอำนาจให้ตำรวจจังหวัดเป็นผู้ใช้อำนาจในการสอบสวนดำเนินคดีอาญาในเขตพื้นที่จังหวัดตนเอง ดังนั้น การจัดองค์ตำรวจจังหวัดจึงเป็นเรื่องสำคัญ
หลักการในการจัดองค์กรตำรวจจังหวัดของญี่ปุ่น ถือหลักการเดียวกันกับการจัดองค์กรตำรวจในระดับชาติ กล่าวคือ ตามกฎหมายตำรวจ แต่ละจังหวัด (prefectural governments) มีองค์กรตำรวจเป็นของตนเองเพื่อปฏิบัติภารกิจภายในเขตอำนาจ โดยองค์กรตำรวจระดับจังหวัด ประกอบด้วย คณะกรรมการความปลอดภัยสาธารณะจังหวัด และสำนักงานตำรวจจังหวัดรวมทั้งกรมตำรวจมหานครโตเกียว
2.1 คณะกรรมการความปลอดภัยสาธารณะจังหวัด (Prefectural Public Safety Commissions: PPSCs)
เป็นองค์กรที่อยู่ภายใต้ผู้ว่าราชการจังหวัดที่มาจากการเลือกตั้ง (under the authority of elected prefectural governor) มีอำนาจหน้าที่ในการวางนโยบายในการปฏิบัติงานของตำรวจและวางกฎเกณฑ์ในการรักษาความปลอดภัยสาธารณะ รวมทั้งมีอำนาจในการออกใบอนุญาตประกอบธุรกิจบันเทิง การครอบครองอาวุธปืน และใบขับขี่
แต่คณะกรรมการความปลอดภัยสาธารณะจังหวัดและผู้ว่าราชการจังหวัดไม่มีอำนาจในการแทรกแซงการสอบสวนหรือการบังคับใช้กฎหมายของตำรวจ
คณะกรรมการดังกล่าวมีจำนวน ๓ หรือ ๕ คน บุคคลผู้ที่เคยรับราชการเป็นตำรวจหรืออัยการในช่วง ๕ ปีก่อนที่จะมีการแต่งตั้งไม่มีสิทธิ์ได้รับการแต่งตั้ง โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้แต่งตั้งภายใต้ความยินยอมของสภาจังหวัด (prefectural assembly) อยู่ในวาระ ๓ ปี กรรมการจะเลือกกันเองคนหนึ่งเป็นประธานกรรมการ แต่มีเงื่อนไขว่า กรรมการเสียงข้างมาก (majority of the members) ต้องไม่สังกัดพรรคการเมืองเดียวกัน
2.2 ตำรวจจังหวัดและตำรวจมหานครโตเกียว (Metropolitan Police Department and Prefectural Police)
กองกำลังตำรวจท้องถิ่นของมหานครโตเกียวเรียกชื่อว่า กรมตำรวจมหานคร (Metropolitan Police Department: MPD) ส่วนจังหวัดอื่น ๆ เรียกชื่อว่า ตำรวจจังหวัด (prefectural police)

ผู้บัญชาการตำรวจมหานครโตเกียว (The Chief of the MPD, Superintendent General)ได้รับแต่งตั้งจากคณะกรรมการความปลอดภัยสาธารณะแห่งชาติ (NPSC) ภายใต้ความยินยอมของคณะกรรมการความปลอดภัยสาธารณะมหานครโตเกียวและการอนุมัติของนายกรัฐมนตรี

ในขณะเดียวกัน NPSC ก็เป็นผู้แต่งตั้ง หัวหน้าตำรวจจังหวัด (prefectural police chief) ภายใต้ความยินยอมของคณะกรรมการความปลอดภัยสาธารณะจังหวัด (PPSCs)
ความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรตำรวจระดับจังหวัด
กรณีมีอาชญากรรมและเหตุการณ์ขนาดใหญ่ข้ามเขตจังหวัด ตำรวจจังหวัดหนึ่งอาจทำงานข้ามเขตจังหวัดได้ หากได้รับการร้องขอจากตำรวจจังหวัดอื่น ๆ หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
3.สถานีตำรวจ ตู้ยามตำรวจญี่ปุ่น(โคบาน) และตำรวจลาดตระเวน
การที่ตำรวจญี่ปุ่นเป็นที่รักใคร่ของประชาชน ก็เพราะมีความใกล้ชิดกับประชาชน ผ่านทางสถานีตำรวจ ตู้ยามตำรวจ (โคบาน) และตำรวจลาดตระเวน
3.1สถานีตำรวจ (Police Stations)
หน่วยงานของตำรวจที่อยู่ใกล้ชิดประชาชน ก็คือ สถานีตำรวจ ดังนั้น สำนักงานตำรวจมหานครและสำนักงานตำรวจจังหวัดของญี่ปุ่นแต่ละแห่ง จึงได้แบ่งพื้นที่เพื่อประโยชน์ในการบริหารงานให้ประชาชนได้รับความสะดวกและสามารถดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่ประชาชนได้ทั่วถึง โดยแบ่งออกเป็น เขต ๆ (districts)

สถานีตำรวจ คือ สำนักงานของตำรวจประจำเขตต่าง ๆ เพื่อใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติราชการของตำรวจในส่วนที่เกี่ยวข้องกับประชาชนโดยตรง ได้แก่ การรับแจ้งความ การดำเนินคดีอาญาต่าง ๆ ตามอำนาจหน้าที่ของตำรวจ
ตามปกติ สถานีตำรวจจะตั้งอยู่ตามย่านชุมชน เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกและความอบอุ่นใจที่มีสถานีตำรวจตั้งอยู่ใกล้ชิด
3.2 ระบบตู้ยามตำรวจญี่ปุ่น (Koban System: Japanese Police Box System)
นอกจากมีสถานีตำรวจตั้งอยู่ตามเขตพื้นที่ต่าง ๆ ของแต่ละมหานครและแต่ละจังหวัดแล้ว ระบบตำรวจญี่ปุ่นยังให้ความสำคัญในการจัดตั้งตู้ยามตำรวจให้กระจายไปชุมชนต่าง ๆ อย่างทั่วถึง อย่างที่เรียกว่า ระบบตู้ยามตำรวจญี่ปุ่น (Koban System: Japanese Police Box System)
ภายใต้เขตสถานีตำรวจแต่ละแห่ง มีโคบาน (Koban) เป็นสถานีตำรวจประจำถิ่นขนาดเล็ก ตั้งอยู่ใกล้ศูนย์กลางคมนาคมขนาดใหญ่และศูนย์กลางการค้าและเขตที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น โคบานถือเป็นหน่วยเล็กที่สุดของระบบตำรวจญี่ปุ่นในปัจจุบันนี้ นับเป็นตำรวจชุมชุน
ในชนบทห่างไกล โคบานหนึ่งอาจมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเพียงคนเดียว ทั่วประเทศมีโคบานจำนวนมากกว่า 15,000 แห่ง โดยใช้อัตรากำลังตำรวจประมาณร้อยละ ๒๐ ของอัตรากำลังตำรวจทั้งหมดประจำอยู่ตามโคบาน
อาคารโคบานโดยทั่วไปเป็นอาคาร 2 ชั้น มีเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำอยู่อย่างน้อย 1 คน จนกระทั่งมากกว่า 10 คน เจ้าหน้าที่เหล่านี้สามารถที่จะสังเกตเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยรอบ ทำให้พร้อมที่จะแก้ปัญหาเหตุฉุกเฉินได้อย่างทันท่วงที นอกจากนี้ยังได้ช่วยอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในเรื่องอื่น ๆ เช่น การบอกเส้นทาง และประสานงานกับประชาชนในเรื่องอื่น ๆ ในท้องที่ที่อยู่ห่างไกลสถานีตำรวจ
3.3 ตำรวจลาดตระเวน
นอกจากโคบานแล้ว ระบบตำรวจญี่ปุ่นยังให้ความสำคัญแก่ตำรวจลาดตระเวน
ตำรวจลาดตระเวนมีทั้งตำรวจลาดตระเวนด้วยการเดินเท้า รถจักรยานยนต์ หรือรถยนต์ ทำให้พร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม หรือช่วยเหลือประชาชนได้เสมอ
การมีตำรวจลาดตระเวน ทำให้ตำรวจญี่ปุ่นมีความใกล้ชิดกับประชาชนมากขึ้น สามารถหาข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับอาชญากรรมได้ดีและรวดเร็ว เพราะทำให้ประชาชนรู้สึกว่า ตำรวจเป็นกันเอง และเข้าถึงได้ง่าย มีข้อมูลข่าวสารหรือเบาะแสอะไรก็อยากจะแจ้งให้ทราบ
4.งบประมาณในการบริหารงานตำรวจและอัตรากำลัง
(https://www.npa.go.jp/english)
ตามเอกสารเผยแพร่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่น (National Police Agency: NPA, 19th September 2020) ได้กล่าวถึงงบประมาณในการบริหารงานตำรวจและอัตรากำลังตำรวจญี่ปุ่น สรุปได้ดังนี้
4.1 งบประมาณ
งบประมาณของตำรวจประกอบด้วย 2 ส่วน คือ งบประมาณจากรัฐบาล (national budget) และงบประมาณจังหวัด (prefectural budget) โดยงบประมาณของรัฐบาลใช้เป็นค่าใช้จ่ายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และใช้เป็นเงินสนับสนุน (subsidies) ค่าใช้จ่ายของสำนักงานตำรวจจังหวัด คิดเป็นร้อยละ 22 ของงบประมาณทั้งหมดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
สำหรับสำนักงานตำรวจจังหวัดมีแหล่งที่มาของงบประมาณ 2 ทางคือ
4.1.1งบประมาณจัดสรรจากรัฐบาล (National Treasury)
สำหรับเป็นค่าเงินเดือนเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูง ค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมในโรงเรียนตำรวจ ค่าใช้จ่ายระบบสื่อสาร และค่าใช้จ่ายในการจัดหาเครื่องมือของตำรวจ เช่น ยานพาหนะ เรือ และเฮลิคอปเตอร์
4.1.2 งบประมาณจัดสรรจากจังหวัด (Prefectural Government)
สำหรับเป็นค่าเงินเดือนเจ้าหน้าที่ในระดับรองลงมา รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ของบุคคล เช่น เครื่องแบบ ค่าใช้จ่ายในสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ของตำรวจ และค่าใช้จ่ายในกิจกรรมของตำรวจจังหวัด เช่น การป้องกันอาชญากรรม การสืบสวนสอบสวนคดีอาญา และการบังคับใช้กฎหมายในเรื่องจราจร
4.2 อัตรากำลัง
เมื่อปี 2018 อัตรากำลังตำรวจทั้งหมดของญี่ปุ่นมีจำนวน 296,700 คน โดยแยกเป็น 2 ส่วน ดังนี้
4.1.1 อัตรากำลังสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยตรง มีจำนวน 7,900 คน แยกเป็น
– เจ้าหน้าที่ตำรวจ 2,200 คน
-เจ้าหน้าที่ถวายความปลอดภัยสมเด็จพระจักรพรรดิและพระราชวงศ์
(Imperial Guards) 900 คน
-เจ้าหน้าที่พลเรือน (engineers and administrative staff) 4,800 คน
4.1.2 อัตรากำลังสังกัดสำนักงานตำรวจจังหวัดทั้งประเทศจำนวน 47 จังหวัด มีจำนวนทั้งหมด 288,000 คน แยกเป็น
– เจ้าหน้าที่ตำรวจ 260,000 คน โดยเป็นตำรวจหญิง จำนวน 24,600 คน
-เจ้าหน้าที่พลเรือน (engineers and administrative staff) จำนวน 28,400 คน โดยเป็นเจ้าหน้าที่เพศหญิงจำนวน 13,300 คน
5.สรุป
ระบบตำรวจญี่ปุ่นเป็นระบบตำรวจแห่งชาติ ที่กระจายอำนาจไปให้ท้องถิ่นหรือจังหวัด หมายความว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติซึ่งขึ้นตรงต่อคณะกรรมการความปลอดภัยสาธารณะแห่งชาติ มีอำนาจหน้าที่ในการดูแลการรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศในภาพใหญ่หรือภาพรวม แต่การปฏิบัติจริง ๆ ให้เป็นอำนาจหน้าที่ของตำรวจจังหวัด จำนวน 47 จังหวัด ซึ่งเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของญี่ปุ่น
สำหรับความคิดเห็นเพิ่มเติม กรุณาติดตามได้ในหัวข้อ คุยกับดร.ชาท้ายบทความนี้
คุยกับดร.ชา
คู่สนทนาวันนี้ของผม ยังเป็นคุณพสุธา (นามสมมุติ) เช่นเดิม
“สวัสดี คุณพสุธา วันนี้อาจารย์ขอรบกวนเวลาอีกสักครั้งหนึ่งเพื่อคุยกันเรื่องตำรวจญี่ปุ่นให้จบ
เอาประเด็นแรกก่อน คุณพสุธามีความคิดเห็นอย่างไรที่ระบบตำรวจญี่ปุ่น เป็นระบบตำรวจแห่งชาติ แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกลับไม่สงวนอำนาจสำคัญของตำรวจ คือ อำนาจในการสอบสวนคดีอาญาไว้ที่ตนเองเลย แต่ปล่อยให้เป็นอำนาจหน้าที่ของตำรวจจังหวัดแต่ละจังหวัด ” ผมตั้งคำถามนำเพื่อให้การสนทนาเข้าสู่ประเด็นได้ง่าย
“ สวัสดีครับอาจารย์ แค่ประเด็นแรก ผมคิดว่า ท่านผู้อ่านทั้งหลายก็น่าจะอยากทราบกันอยู่แล้ว
ผมมีความเห็นอย่างนี้ว่า เดิมญี่ปุ่นเคยมีการปกครองส่วนภูมิภาคโดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดมาจากการแต่งตั้ง มีตำรวจสังกัดกระทรวงมหาดไทยเช่นเดียวกันกับผู้ว่าราขการจังหวัด การสร้างความเป็นเอกภาพหรือความเป็นอันหนึ่งอันเดียวก็มิใช่ของยาก
แต่เมื่อจำเป็นต้องยุบการปกครองส่วนภูมิภาคตามความต้องการของอเมริกาผู้ชนะสงครามโลกครั้งที่ 2 และเป็นผู้ยึดครองประเทศญี่ปุ่นอยู่ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ดังนั้น เพื่อให้สามารถรักษาความเป็นเอกภาพของประเทศไว้ได้อีกต่อไป ญี่ปุ่นเขาจึงคิดระบบตำรวจขึ้นมาใหม่ให้สอดคล้องกับรูปแบบการปกครองประเทศที่เปลี่ยนแปลงไป ด้วยการกระจายอำนาจไปยังท้องถิ่นระดับบนคือจังหวัด ให้ตำรวจขึ้นต่อจังหวัด แต่ในขณะเดียวกันก็ให้ตำรวจจังหวัดขึ้นต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติและคณะกรรมการความปลอดภัยแห่งชาติด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้การบริหารตำรวจจังหวัดเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ มิใช่ปล่อยให้แต่ละท้องถิ่นว่ากันเอาเองเหมือนอย่างตำรวจท้องถิ่นในอเมริกาหรืออังกฤษ” คุณพสุธาตอบเชิงเปรียบเทียบเพื่อให้มองเห็นภาพได้ชัดเจน
“ตอบได้ชัดเจนดีมาก คุณพสุธา ถ้าเช่นนั้น อาจารย์ขอถามประเด็นที่สองเลย ก็ในเมื่อญี่ปุ่นต้องยุบการปกครองส่วนภูมิภาคแล้ว ทำไมไม่เอาตำรวจขึ้นตรงต่อส่วนกลางเลย อาจจะให้ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรีเหมือนอย่างในบางประเทศก็ได้ ” ผมถามแบบให้ใช้ความคิด เพราะเชื่อว่า คุณพสุธาซึ่งเป็นคนเก่งตอบได้แน่
“เรื่องนี้ อาจารย์ต้องมองย้อนไปในอดีตด้วยว่า หากญี่ปุ่นจะทำเช่นนั้น คงจะไม่ถูกใจอเมริกา เพราะอเมริกาเขามีหลักการว่า รัฐต้องมีอำนาจอย่างจำกัด (Limited Government) อำนาจที่เหลือจะได้เป็นอำนาจของประชาชน ดังนั้น การให้ตำรวจสังกัดท้องถิ่น ย่อมเป็นการทำให้รัฐมีอำนาจน้อยลง และทำให้ประชาชนมีอำนาจมากขึ้น ” คุณพสุธาตอบเหมือนคนเข้าใจระบบการเมืองการปกครองของอเมริกาดีไม่น้อยเลย
“ ในประเด็นนี้ อาจารย์ขอเสริมสักนิดหนึ่ง คือ แม้เวลานี้ ในสายตาของหลายประเทศ อเมริกาอาจจะดูเป็นดาวร้ายในเวทีการเมืองโลก แต่ในประเทศของเขา อำนาจของรัฐบาลกลางมีอย่างจำกัด อำนาจที่เหลือเป็นของมลรัฐและประชาชนชาวอเมริกา
ยิ่งกว่านั้น ระบบการเมืองการปกครองของเขา เป็นระบบแบ่งแยกและถ่วงดุลอำนาจ เขาไม่อยากให้ใครมีอำนาจเบ็ดเสร็จในมือหรือมีอำนาจมากกว่าคนอื่น เพราะจะทำให้กลายเป็นอำนาจเผด็จการหรือการผูกขาดอำนาจ ” ผมได้จังหวะเสริมความคิดให้คุณพสุธาเล็กน้อย
“ ถ้าเช่นนั้น เอาประเด็นที่สามเลยนะ อาจารย์อยากให้คุณพสุธามองดูการถ่วงดุลอำนาจของระบบตำรวจญี่ปุ่นในระดับจังหวัด เขาทำกันอย่างไร เหมือนบ้านเราไหม ” ผมถามแบบเจาะลึกลงไปอีก
“ ได้ครับอาจารย์ ผมคิดว่าญี่ปุ่นเขาวางระบบการถ่วงดุลอำนาจตำรวจไว้ดีมาก โดยถือหลักการเดียวกับการถ่วงดุลอำนาจตำรวจในระดับชาติ
ในระดับชาติ การบริหารงานตำรวจ เป็นการถ่วงดุลอำนาจระหว่างนายกรัฐมนตรีและรัฐสภาไดเอ็ต ในขั้นตอนเสนอแต่งตั้งคณะกรรมการความปลอดภัยสาธารณะแห่งชาติ นอกจากนี้ ยังมีการถ่วงดุลอำนาจระหว่างนายกรัฐมนตรีและคณะกรรมการความปลอดภัยแห่งชาติในการเสนอแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและผู้บัญชาการตำรวจมหานครโตเกียว
และที่สำคัญคือ ในการบริหารงานตำรวจ มีการถ่วงดุลอำนาจระหว่างผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกับคณะกรรมการความปลอดภัยสาธารณะแห่งชาติ ” คุณพสุตาตอบหลักการในระดับชาติก่อน
“ในระดับจังหวัดล่ะเป็นอย่างไร” ผมเร่งเร้าให้คุณพสุธาตอบ กลัวพูดเพลินจนลืมคำถาม
“ ในระดับจังหวัด มีการถ่วงดุลอำนาจระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัดกับสภาจังหวัด ในขั้นตอนเสนอแต่งตั้งคณะกรรมการความปลอดภัยสาธารณะจังหวัด
ยิ่งกว่านั้น ยังมีการถ่วงดุลอำนาจระหว่างคณะกรรมการความปลอดภัยสาธารณะจังหวัดกับคณะกรรมการความปลอดภัยสาธารณะแห่งชาติ ในขั้นตอนแต่งตั้งหัวหน้าตำรวจจังหวัด
ส่วนการบริหารงาน มีการถ่วงดุลอำนาจระหว่างหัวหน้าตำรวจจังหวัดกับคณะกรรมการความปลอดภัยจังหวัดด้วย
แต่การถ่วงดุลในลักษณะเช่นนี้ บ้านเราไม่มีนะ หรืออาจารย์คิดว่ามี ” คุณพสุธาชี้แจงเพิ่มเติมพอเข้าใจ พร้อมกับสัพยอกผมเล่นเล็กน้อย
“คุณพสุธา น่าจะลืมจุดสำคัญของการถ่วงดุลอำนาจของระบบตำรวจญี่ปุ่นไปอย่างหนึ่ง คือ คณะกรรมการความปลอดภัยแห่งชาติ และคณะกรรมการความปลอดภัยจังหวัด ตัวกรรมการต่างมาจากหลายพรรคการเมือง โดยเสียงข้างมาก ต้องไม่ใช่มาจากพรรคการเมืองเดียวกัน เพื่อให้กรรมการสามารถถ่วงดุลอำนาจกันได้” ผมเติมเต็มให้คุณพสุธา
“ โอเค อาจารย์ขอถามประเด็นสุดท้ายเลย คุณพสุธาประทับใจหรือชื่นชอบระบบตำรวจญี่ปุ่นในส่วนไหนมากที่สุด ” ผมถามเพื่อปิดประเด็นการสนทนา
“ อ๋อ ผมประทับใจเป็นพิเศษ กับระบบการตั้งตู้ยามตำรวจอย่างที่เรียกว่า โคบาน เพราะเขาตั้งกระจายไปตามพื้นที่ชุมชนต่าง ๆ ทำให้ตำรวจประจำตู้ยามอยู่ใกล้ชิดประชาชน หากมีอะไรเกิดขึ้นประชาชนสามารถแจ้งตำรวจที่ตู้ยามได้เลย
นอกจากนี้ ญี่ปุ่นเขายังมีตำรวจลาดตระเวน ออกตรวจตราตามพื้นที่ชุมชน มีทั้งตำรวจลาดตระเวนด้วยการเดินเท้า ตำรวจลาดตระเวนด้วยรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์เป็นมาตรการเสริมเข้าไปอีก
เมื่อเขาทำได้เช่นนี้ อัตราการเกิดอาชญากรรมในญี่ปุ่นจึงมีน้อยมาก เพราะเขามีตำรวจกระจายอยู่ทุกพื้นที่ที่เป็นชุมชน มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ตำรวจสามารถเข้าระงับเหตุได้ทันที ” คุณพสุธาตอบอย่างมั่นใจ
“ ระบบตู้ยามตำรวจและระบบสายตรวจตำรวจอย่างญี่ปุ่น บ้านเรามีไหม ” ผมถามเพราะอยากทราบข้อมูลจริง ๆ
“ อาจารย์ ก็คงพอจะเข้าใจนะครับ ระบบตำรวจของเราที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ เป็นระบบตำรวจแห่งชาติ ร้อยเปอร์เซ็นต์ ดังนั้น ความคิดที่อยากจะใกล้ชิดประชาชนก็ย่อมยากที่จะเกิดขึ้น หรืออาจจะติดขัดไม่มีงบประมาณเพียงพอ
แต่ถ้าตำรวจไทยคิดจะทำจริง ผมว่าเรื่องนี้ หมายถึงเรื่องระบบตู้ยามตำรวจแบบญี่ปุ่น ก็อาจจะทำโครงการขอเงินอุดหนุนไปยังท้องถิ่น ก็น่าจะได้ เพราะการที่ตำรวจจะไปตั้งตู้ยามบริเวณที่เป็นชุมชน ท้องถิ่นคงจะยินดี แต่ว่า เมื่อสร้างเสร็จแล้วต้องมีตำรวจไปประจำอยู่จริง ๆ ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นตู้ยามร้างนะ” คุณพสุธาตอบแบบคนเคยเห็นภาพตู้ยามตำรวจบางแห่งมาอย่างติดตาติดใจ
“ เยี่ยมมาก คุณพสุธา สามารถตอบคำถามเหมือนรู้ใจท่านผู้อ่านเลยเชียว วันนี้คงต้องยุติการสนทนากันเพียงนี้ โอกาสหน้า ค่อยคุยกันใหม่ ขอให้โชคดีปลูกต้นไม้อะไรขาย ขอให้ต้นไม้โตไว ๆ จะได้รวยสมใจ” ผมตอบขอบคุณพร้อมอวยพรด้วยน้ำใสใจจริง
“ขอบคุณมากครับอาจารย์ มีโอกาสอีกเมื่อใด อย่าลืมเชิญผมมาอีกนะ ผมพร้อมเสมอ ” คุณพสุธากล่าวขอบคุณ ก่อนจะแยกย้ายจากกัน
ดร.ชา
20/09/20
อยากฟังเรื่องกฏหมายน่ารู้จากคุณพสุธาแล้ว แสดงความคิดเห็นเรื่องตำรวจญี่ปุ่นได้ดีขนาดนี้
เรื่องกฏหมายจะขนาดไหน? คะ
โอเค อาจารย์จะบอกคุณพสุธาให้ ขอขอบคุณแทนคุณพสุธาด้วย ที่คุณณัชชาชื่นชอบความคิดเห็นของเขา