“เกาหลีเหนือ เป็นประเทศเผด็จการสมบูรณ์แบบ” เป็นบทความลำดับที่ 11 ของหมวด 14 เรื่องเล่า ประเทศเอเชียตะวันออก มีหัวข้อประกอบด้วย ความนำ ตำแหน่งที่ตั้งของเกาหลีเหนือ ขนาดพื้นที่ ประชากร ประวัติความเป็นมา การเมืองการปกครอง อุดมการณ์ของชาติ ตระกูลคิม ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ความสัมพันธ์กับเกาหลีใต้ สิทธิมนุษยชน การทหาร สรุป ถาม-ตอบสนุก กับดร.ชา 369
“ประเทศเกาหลีเหนือ แม้เป็นประเทศขนาดเล็ก มีประชากรไม่มาก และมีฐานะยากจน แต่ก็สามารถเป็นประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์ และมีความแข็งแกร่งด้านการทหาร จนสามารถกระทำการบางอย่างท้าทายประเทศมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกอย่างสหรัฐอเมริกาได้”
Table of Contents
1.ความนำ
เมื่อได้เล่าเรื่องประเทศเกาหลีใต้ในบทความลำดับที่ 9 ของหมวด 14 เรื่องเล่า ประเทศเอเชียตะวันออก มาแล้ว หากไม่เล่าเรื่องประเทศเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นประเทศคู่แฝดกัน น่าจะไม่ถูกต้อง
ประเทศเกาหลีเหนือ มีชื่อเรียกเป็นทางการว่า สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีเหนือ (Democratic People’s Republic of Korea) มีชื่อเรียกเล่นอีกอย่างหนึ่งว่า โสมแดง
โสมแดง แม้เป็นประเทศขนาดเล็ก มีประชากรไม่มาก แถมยังยากจนอีก แต่ก็สามารถสร้างข่าวให้ชาวโลกรู้สึกตระหนกใจหรือตื่นเต้นเป็นระยะ ๆ ด้วยการทดลองอาวุธร้ายแรงอย่างเช่นขีปนาวุธข้ามทวีป แม้แต่ชาติมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกอย่างสหรัฐอเมริกายังต้องรู้สึกหวั่นไหวไม่น้อย
ดังนั้น ผมจึงเห็นว่า เรื่องราวของเกาหลีเหนือ น่าสนใจไม่แพ้เรื่องราวของประเทศเกาหลีใต้
2.ตำแหน่งที่ตั้งของเกาหลีเหนือ
แผนที่เกาหลีเหนือ (Wikipedia, North Korea, 15th May 2023)

โสมแดง เป็นประเทศที่ตั้งอยู่บนคาบสมุทรเกาหลีในส่วนที่อยู่เหนือเส้นขนานที่ 38 โดยมีอาณาเขตดังนี้
ทิศเหนือ จรดพรมแดนประเทศจีนและรัสเซีย
ทิศใต้ จรดพรมแดนประเทศเกาหลีใต้ ณ บริเวณที่เรียกว่า เขตปลอดทหารเกาหลี (Korea Demilitarized Zone)
ทิศตะวันออก จรดทะเลญี่ปุ่น (Sea of Japan)
ทิศตะวันตก จรดทะเลเหลือง (Yellow Sea)
3.ขนาดพื้นที่
โสมแดง มีขนาดพื้นที่ประเทศใหญ่กว่าประเทศเกาหลีใต้เล็กน้อย กล่าวคือ มีขนาดพื้นที่ 120,540 ตร.กม. ในขณะที่เกาหลีใต้มีขนาดพื้นที่ 100,363 ตร.กม.
4.ประชากร
4.1 จำนวนประชากร
โสมแดง มีประชากร เมื่อปี 2023 จำนวน 26,072,217 คน น้อยกว่าจำนวนประชากรเกาหลีใต้ซึ่งมีจำนวน 51,745,000 คน
4.2 ความหนาแน่น
ความหนาแน่นของประชากร 212 คนต่อหนึ่งตร.กม. น้อยกว่าความหนาแน่นของประชากรเกาหลีใต้ ซึ่งมีความหนาแน่น 507 คนต่อหนึ่งตร.กม.
4.3 เชื้อชาติ
ในด้านเชื้อชาติ โครงสร้างประชากรของโสมแดงเช่นเดียวกับโครงสร้างประชากรของเกาหลีใต้ กล่าวคือ เกือบทั้งหมด เป็นคนเชื้อชาติเดียวกัน (homogenous) คือเชื้อชาติเกาหลี มีคนเชื้อชาติจีนและญี่ปุ่นปนบ้างเล็กน้อย
4.4 ศาสนา
โสมแดงเป็นรัฐอเทวนิยม (theist state) คือ ไม่เชื่อว่าพระเจ้ามีจริง ไม่มีตัวเลขที่เป็นทางการเกี่ยวกับการนับถือศาสนาของประเทศนี้ แต่พอประมาณได้ว่า ร้อยละ 64 เป็นพวกไม่มีศาสนา ร้อยละ 16 เป็นพวกนับถือลัทธิเชมัน (shamanism) ซึ่งเป็นศาสนาพื้นเมืองของเกาหลี ร้อยละ 14 นับถือลัทธิช็อนโด (Chondoism) หรือศาสนาแห่งวิถีสวรรค์ ร้อยละ 4 นับถือศาสนาพุทธ และร้อยละ 2 นับถือศาสนาคริสต์
5.ประวัติความเป็นมา
อาจแบ่งประวัติความเป็นมาของโสมแดง ออกเป็น 5 ช่วง คือ การสถาปนาประเทศ สงครามเกาหลี ช่วงหลังสงครามเกาหลี ช่วงสงครามเย็น และยุคศตวรรษที่ 21
5.1 การสถาปนาประเทศ
หลังจากสงครามจีน-ญี่ปุ่น ครั้งที่หนึ่ง (1894-1895) และสงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่น (1904-1905) เป็นผลทำให้เกาหลีตกอยู่ภายใต้การปกครองของญี่ปุ่นในช่วงปีค.ศ.1910-1945 คิดเป็นระยะเวลายาวนาน 35 ปี ในช่วงระยะเวลาดังกล่าวชาวเกาหลีใด้จัดตั้งกองทัพปลดแอก (Liberation Army) ต่อสู้กับกองทัพญี่ปุ่นตามแนวชายแดนจีน-เกาหลี ด้วยสงครามกองโจร โดยมีผู้นำคนสำคัญคนหนึ่ง คือ คิม อิล ซุง (Kim Il Sung) ซึ่งในเวลาต่อมากได้กลายเป็นผู้นำคนแรกของโสมแดง
ภายหลังการยอมแพ้ของญี่ปุ่นในตอนสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 (1939-1945) คาบสมุทรเกาหลีได้ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนตามแนวเส้นขนานที่ 38 โดยครึ่งหนึ่งที่อยู่ในทางตอนเหนือ ตกอยู่ภายใต้การยึดครองของโซเวียต และอีกครึ่งหนึ่งที่อยู่ในทางตอนใต้ ตกอยู่ภายใต้การยึดครองของสหรัฐอเมริกา
การเจรจารวมประเทศเกาหลีล้มเหลว หลังจากนั้น จึงได้มีการสถาปนาประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี หรือเกาหลีเหนือหรือโสมแดงขึ้นมาเมื่อวันที่ 9 กันยายน 1948 โดยมีคิม อิล ซุง ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรก
5.2 สงครามเกาหลี
กองกำลังทหารของเกาหลีเหนือได้บุกเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 1950 โดยได้บุกรุกเข้าไปในพื้นที่ส่วนใหญ่ของเกาหลีใต้อย่างรวดเร็ว เป็นเหตุให้องค์การสหประชาชาติต้องจัดตั้งกองกำลังของสหประชาชาติภายใต้ความเห็นชอบของคณะมนตรีความมั่นคง (UN Security Council)
เพื่อปกป้องเกาหลีใต้ กองกำลังของสหประชาชาติภายใต้การนำของสหรัฐอเมริกา ได้รุกคืบเข้าไปในดินแดนของโสมแดงอย่างรวดเร็ว จนเข้าไปใกล้พรมแดนของจีน จีนจึงได้ส่งกองกำลังโต้ตอบเพื่อปกป้องโสมแดง ทำให้การต่อสู้ตกอยู่ในลักษณะยันกันไว้ ไม่บานปลายไปมากกว่านั้น
สงครามได้สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 1953 ด้วยการเจรจาหย่าศึก (armistice) โดยให้แต่ละฝ่ายถอยกลับไปอยู่ในเขตแดนของตน แต่ไม่ได้มีการทำสนธิสัญญาสงบศึก
สงครามเกาหลีมีคนตายประมาณ 3 ล้านคน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนพลเรือนที่ตายสูงกว่าสงครามโลกครั้งที่ 2 และสงครามเวียดนาม โสมแดงได้กลายเป็นประเทศที่ถูกทำลายโดยสงครามมากที่สุด คิดเป็นจำนวนประชากรเโสมแดงที่ถูกฆ่าตายราวร้อยละ 12-15 ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ใกล้เคียงกับประชากรโซเวียตที่ถูกฆ่าตายในสงครามโลกครั้งที่สอง นอกจากนี้ บรรดาอาคารสิ่งปลูกสร้างสำคัญ ๆ ในเกาหลีเหนือได้ถูกทำลายลงหมด
แม้สงครามเกาหลีได้สิ้นสุดลงแล้ว แต่สหรัฐอเมริกายังคงกองกำลังทหารไว้ในเกาหลีใต้ ทำให้เกาหลีเหนือมองว่า เป็นกองกำลังยึดครองของจักรวรรดินิยม
5.3 ช่วงหลังสงครามเกาหลี
หลังจากสงครามเกาหลีได้สิ้นสุดลง เศรษฐกิจของโสมแดงในทศวรรษที่ 1960 ได้เจริญรุ่งเรืองกว่าเกาหลีใต้ แต่หลังจากทศวรรษที่ 1980 เศรษฐกิจของประเทศตกอยู่ในภาวะหยุดชะงัก (stagnate) และได้เริ่มถดถอยในปี 1987 และเกือบจะพังทลายลงหลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียตในปี 1991 เพราะความช่วยเหลือที่เคยได้รับจากสหภาพโซเวียตหมดไป
5.4 ช่วงหลังสงครามเย็น
เมื่อปี 1992 สุขภาพของ คิม อิล ซุง ได้เริ่มทรุดลง ทำให้ คิม จอง-อิล (Kim Jong-Il) ผู้เป็นบุตรชายได้เริ่มเข้าสู่การมีอำนาจ แต่เขาได้ถึงแก่กรรมด้วยโรคหัวใจเมื่อปี 1994 ประเทศกำหนดไว้อาลัยแก่เขาเป็นเวลา 3 ปี ก่อนที่จะมีการแต่งตั้งผู้นำประเทศคนใหม่
คิม จอง-อิล ผู้นำประเทศคนใหม่ประกาศใช้นโยบาย ซองอัน (Songun policy) หรือนโยบายทหารต้องมาก่อน (military first) ในยุคนี้ โสมแดงได้เริ่มพัฒนาการสร้างอาวุธนิวเคลียร์
ในช่วงกลางของทศวรรษที่ 1990 ประเทศเกาหลีเหนือได้ประสบภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจ พืชผลและโครงสร้างพื้นฐานถูกทำลายลงอย่างหนัก มีประชากรล้มตายระหว่าง 240,000-420,000 คน เกินขีดความสามารถของรัฐบาลที่จะแก้ไขสถานการณ์ได้ จำต้องรับความช่วยเหลือจากยูเอ็น
5.5 ในยุคศตวรรษที่ 21
สภาพแวดล้อมทางการเมืองระหว่างประเทศได้เปลี่ยนแปลงไป หลังจากที่ จอร์จ ดับเบิลยู. บุช (George W. Bush) ได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในปี 2001 เขาปฏิเสธนโยบายแสงแดด (Sunshine Policy) และโครงร่างข้อตกลงของนโยบาย (Agreed Framework) ของเกาหลีใต้
ในการแถลงนโยบายประจำปีต่อรัฐสภาอเมริกา (State of the Union) ประจำปี 2002 บุช ได้รวมเอาโสมแดงอยู่ในกลุ่มความชั่วร้าย (axis of evil) สหรัฐอเมริกาปฏิบัติต่อโสมแดงเสมือนหนึ่งเป็นรัฐอันธพาล (rogue state) ในขณะเดียวกัน โสมแดงได้เพิ่มความพยายามเป็นสองเท่าเพื่อจะได้ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ จนกระทั่งวันที่ 9 ตุลาคม 2006 โสมแดง
ได้ประกาศว่า ได้ทดลองอาวุธนิวเคลียร์เป็นครั้งแรก
ประธานาธิบดี บารัก โอบามา (Barack Obama) ได้ใช้นโยบายความอดทนทางยุทธศาสตร์ (policy of strategic patience) โดยยืนยันในการติดต่อกับโสมแดง ความตรึงเครียดได้เพิ่มมากขึ้นในปีค.ศ.2010 เมื่อมีการจมเรือรบของเกาหลีใต้
เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2011 คิม จอง-อิล ได้ถึงแก่อสัญกรรมด้วยโรคหัวใจ บุตรชายคนเล็กของเขาคือ คิม จอง อึน (Kim Jong Un) ได้รับการประกาศให้เป็นทายาทผู้สืบต่ออำนาจ แม้จะได้รับการการตำหนิติเตียนจากนานาชาติ แต่โสมแดงยังคงพัฒนาการสะสมอาวุธนิวเคลียร์ต่อไป ซึ่งอาจจะรวมระเบิดไฮโดรเจนด้วย และสามารถยิงจรวดข้ามทวีปไปไกลถึงสหรัฐอเมริกา
หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอเมริกา ตลอดปี 2017 ความตรึงเครียดระหว่างโสมแดงและสหรัฐอเมริกาได้เพิ่มขึ้น โดยทรัมป์ ได้ขู่ว่า หากโสมแดงโจมตีดินแดนของสหรัฐ สหรัฐจะเผาและฝังโสมแดง โสมแดงขู่จะทดลองจรวดใกล้เกาะกวม แต่ความตึงเครียดได้ลดลงอย่างชัดเจนในปี 2018 เมื่อได้มีการประชุมสุดยอดหลายครั้งระหว่าง คิม จอง อึน ผู้นำโสมแดง มูน แต-อิน (Moon Tae-in) ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ และทรัมป์
คิม จอง อึน ได้รับเลือกให้เป็นเลขาธิการพรรคแรงงานของโสมแดงสืบแทนบิดาของเขา
เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2022 โสมแดงได้ประสบความสำเร็จในการทดลองขีปนาวุธข้ามทวีป เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ได้เกิดวิกฤตการณ์ปี 2017 และในที่สุด โสมแดงได้ผ่านกฎหมายเมื่อเดือนกันยายน 2022 ประกาศว่า ตนเป็นรัฐที่มีอาวุธนิวเคลียร์ (nuclear state)
6. การเมืองการปกครอง
6.1 การรวมอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลางอย่างสมบูรณ์แบบ
โสมแดง เป็นประเทศที่มีการรวมอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลางเป็นอย่างสูง ปกครองด้วยระบบเผด็จการสมบูรณ์แบบ มีพรรคการเมืองพรรคเดียว (highly centralized, one party
totalitarian dictatorship) โดยยึดถือลัทธิคิมอิลซุง (Kimilsungism) และลัทธิคิมจองอิล (Kimjongilism)
ตามรัฐธรรมนูญของเกาหลีเหนือ ใช้หลักสิบประการเพื่อการสร้างระบบอุดมการณ์ที่มีความมั่นคงประดุจเสาหิน (Ten Principles for the Establishment of a Monolithic Ideological System) หรือหลักสิบประการของระบบอุดมการณ์อย่างเดียว (Ten Principles of the One-Ideology System) ซึ่งเป็นมาตรฐานในการปกครองและใช้เป็นแนวทางในควบคุมพฤติกรรมของคนโสมแดง
6.2 พรรคแรงงาน
พรรคแรงงานเกาหลี (The Workers’ Party of Korea) เป็นพรรคคอมมิวนิสต์ซึ่งนำโดยคน ตระกูลคิม มีสมาชิกราว 6.5 ล้านคน และครอบงำการเมืองเกาหลีเหนือในทุกมิติ โดยมีองค์กรรองรับ จำนวน 2 องค์กร คือ พรรคสังคมประชาธิปไตยเกาหลี (Korean Social Democratic Party) และพรรค Chondoist Chongu Party เพื่อใช้เป็นองค์กรบังหน้าในการรวมชาติเกาหลี ซึ่งเจ้าหน้าที่การเมืองทุกคนจะต้องเข้าเป็นสมาชิก
6.3 ผู้นำประเทศ
คิม จอง อึน (Kim Jong Un) ผู้นำโสมแดงคนปัจจุบัน (Wikipedia, North Korea, 15th May 2023)

คิม จอง อึน เป็นผู้นำสูงสุด (Supreme Leader) คนปัจจุบันของโสมแดง โดยเขาดำรงตำแหน่งผู้นำของทุกองค์กรที่สำคัญ กล่าวคือ ดำรงตำแหน่ง เลขาธิการพรรคแรงงานเกาหลี เป็นประธานาธิบดี เป็นประธานคณะกรรมาธิการทหารกลางของพรรคแรงงาน และเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด ปู่ของเขาคือ คิม อิล ซุง เป็นผู้สร้างและผู้นำโสมแดงจนกระทั่งถึงแก่อสัญกรรมเมื่อปี 1994 ได้รับยกย่องให้เป็นประธานาธิบดีตลอดกาล (eternal President) ของประเทศ พ่อของเชา คือ คิม จอง-อิล ผู้สืบทอดอำนาจต่อจากปู่ของเขา ได้รับยกย่องให้เป็นเลขาธิการพรรคตลอดกาล (Eternal General Secretary) และประธานตลอดกาลของคณะกรรมาธิการป้องกันแห่งชาติ (Eternal Chairman of the National Defence Commission)
6.4 รัฐบาล
ตามรัฐธรรมนูญของเกาหลีเหนือ รัฐบาลแบ่งออกเป็น 3 ฝ่ายใหญ่ ๆ คือ
6.4.1 คณะกรรมาธิการกิจการแห่งรัฐ (State Affairs Commission) ทำหน้าที่เป็นองค์กรสูงสุดด้านแนวนโยบายแห่งชาติ มีบทบาทในการกำหนดและตัดสินใจงานในด้านการป้องกันประเทศ รวมทั้งการกำหนดนโยบายของรัฐ และทำตามทิศทางของประธานคณะกรรมาธิการ คือ คิม จอง อึน
6.4.2 ฝ่ายนิติบัญญัติ เป็นสภาเดี่ยว ประกอบด้วยสมาชิกที่ได้มาจากการเลือกตั้งทั่วไปจำนวน 687 คน อยู่ในวาระ 5 ปี การประชุมใหญ่ของสภาประชาชนสูงสุด (Supreme People’s Assembly) จะมีขึ้นเมื่อใด คณะกรรมาธิการสามัญประจำสภาจะเป็นผู้กำหนด โดยมีโช เรียง-แฮ (Choe Ryong-hae) เป็นประธานกรรมาธิการ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญลำดับที่ 3
6.4.3 อำนาจบริหาร (Executive Power) เป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรี ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี ผู้ดำรงตำแหน่งนี้ในปัจจุบันคือ คิม ต็อก-ฮัน (Kim Tok-hun) ซึ่งเป็นบุคคลหมายเลข 2
7. อุดมการณ์ทางการเมือง
จูเช่ (Juche) คืออุดมการณ์ทางการเมืองของโสมแดง ประกอบด้วยลัทธิสองลัทธิ ได้แก่ ลัทธิคิมอิลซุง-ลัทธิคิมจองอิล (Kimilsungism-Kimjongilism) และหนึ่งนโยบาย คือ นโยบายซองอัน (Songun Policy) หรือนโยบายทหารต้องมาก่อน ซึ่งพรรคแรงงานเกาหลีเหนือและรัฐ ต้องยึดเป็นเสาหลักในการทำงาน
จูเช่ ได้รับการประกาศเมื่อเดือนธันวาคม 1955 เพื่อตอกย้ำแก่นกลางความคิดของการปฏิวัติเกาหลี สาระสำคัญคือ การพึ่งพาตนเองในด้านเศรษฐกิจ (economic self-sufficiency) การพึ่งพาตนเองในด้านการทหาร (military self-reliance) และการมีนโยบายต่างประเทศที่เป็นอิสระ (independent foreign policy) โดยจูเช่ ปรากฏอยู่รัฐธรรมนูญ 1972
จูเช่ ได้เข้าแทนที่ลัทธิมาร์ก-เลนิน (Marxism-Leninism) ในทศวรรษที่ 1980
8.ตระกูลคิม (Kim family)
นับตั้งแต่มีการสถาปนาประเทศ อำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศ ตกอยู่ภายใต้อำนาจของคนตระกูลคิม หรือหลายคนเรียกว่า ราชวงศ์คิม เพราะมีการสืบทอดอำนาจตามหลักสายเลือดภูเขาแพกตู (Mount Paektu Bloodline) ซึ่งได้ผ่านมาแล้วสามชั่วอายุคน
ผู้นำคนแรก คือ คิม อิล ซุง ผู้พัฒนาโสมแดงภายใต้อุดมการณ์ จูเช่ และอยู่ในอำนาจจนกระทั่งถึงแก่อสัญกรรม
ผู้นำคนที่สอง คือ คิม จอง-อิล บุตรชายของคิม อิล ซุง สืบทอดอำนาจเมื่อปี 1994
ผู้นำคนที่สาม คือ คิม จอง อึน หลานของคิม อิล ซุง สืบทอดอำนาจเมื่อปี 2011
ตามวรรคสองของมาตรา 10 แห่งหลักพื้นฐานของพรรคแรงงานเกาหลีกล่าวว่า พรรคและการปฏิวัติจะต้องอยู่ภายใต้การนำของสายเลือดภูเขาแพกตู ตลอดไป
9.ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
การที่โสมแดงใช้นโยบายตัดขาดจากโลกภายนอก (isolation) บางครั้งจึงเรียกโสมแดงว่า เป็นอาณาจักรแห่งความโดดเดี่ยว (hermit kingdom) ในทำนองเดียวยุคราชวงศ์โชชอน (Joseon Dynasty)
แรกเริ่มโสมแดงมีความสัมพันธ์ทางการทูตกับเฉพาะกับประเทศคอมมิวนิสต์ด้วยกัน แม้กระทั่งทุกวันนี้ สถานทูตต่างประเทศที่เปิดความสัมพันธ์ทางการทูตกับโสมแดง ส่วนใหญ่ตั้งสถานทูตไว้ ณ กรุงปักกิ่ง มากกว่าตั้งอยู่ที่กรุงเปียงยาง เมืองหลวงของโสมแดง
อย่างไรก็ดี ในช่วงทศวรรษที่ 1960 และ 1970 โสมแดงได้ดำเนินนโยบายต่างประเทศเป็นอิสระมากขึ้น มีการสร้างความสัมพันธ์กับประเทศที่กำลังพัฒนา และเข้าร่วมกลุ่มประเทศที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด (Non-Aligned Movement)
ในช่วงปลายทศวรรษ 1980 และ 1990 นโยบายด้านการต่างประเทศของโสมแดงตกอยู่ในความสับสนอันเนื่องมาจากการล่มสลายของกลุ่มประเทศสหภาพโซเวียต (Soviet Bloc) โสมแดงเองก็ประสบวิกฤตเศรษฐกิจ จึงได้ปิดสถานทูตลงเป็นจำนวนมาก และได้หันมาสร้างความสัมพันธ์กับประเทศที่พัฒนาแล้วที่มีการตลาดเสรี
โสมแดงได้เข้าเป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติเมื่อปี 1991 พร้อมกับเกาหลีใต้ นอกจากนี้โสมแดงยังเข้าร่วมกับกลุ่มประเทศที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด (Non-Aligned Movement) กลุ่มจี 77 และเวทีภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Regional Forum)
เมื่อปีค.ศ. 2015 โสมแดงมีความสัมพันธ์ทางการทูตกับ 166 ประเทศ และได้เปิดสถานทูตใน 47 ประเทศ แต่ไม่ได้เปิดความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศ อาร์เยนตินา บอตสวานา เอสโตเนีย ฝรั่งเศส อิรัก อิสราเอล ญี่ปุ่น ไต้หวัน และสหรัฐอเมริกา
โสมแดงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจีน ซึ่งถือเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุดของเกาหลีเหนือ
10.ความสัมพันธ์กับเกาหลีใต้

ภาพแสดงความปรองดองระหว่างผู้นำเกาหลีสองประเทศภายใต้นโยบายแสดงแดด (Wikipedia,Sunshine Policy, 15th May 2023)
เขตปลอดทหารเกาหลียังคงเป็นแนวชายแดนที่มีการสร้างเครื่องป้องกันอย่างแข็งแรงที่สุดในโลก
ความสัมพันธ์ระหว่างโสมแดงกับเกาหลีใต้ อยู่ที่การปรับนโยบายด้านการทูตของโสมแดง กล่าวคือ นโยบายของโสมแดงในการรวมประเทศกับเกาหลีใต้ ต้องเป็นไปโดยสันติ และไม่มีการแทรกแซงจากต่างชาติ โดยจะใช้รูปแบบของรัฐรวม ภายใต้ชื่อว่า สหพันธรัฐประชาธิปไตยเกาหลี (Democratic Federal Republic of Korea)
นโยบายแสงแดด (Sunshine Policy) ซึ่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ คิม แด-จุง (Kim Dae-jung ) เป็นผู้ริเริ่มนโยบายนี้ ทำให้ประเทศอื่น ๆ อยากมีความสัมพันธ์กับโสมแดงมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากการที่ประเทศในสหภาพยุโรป เปิดความสัมพันธ์เป็นปกติกับโสมแดง และทำให้มีการจัดทำโครงการร่วมกันทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ จนกระทั่งได้มีการทำข้อตกลงสันติร่วมกันระหว่างสองประเทศเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2007
แต่ความสัมพันธ์ดังกล่าวได้เลวร้ายลงในยุคของประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ลี เมียง-บัก (Lee Myung-bak) เพราะโสมแดงยังมีการทดลองขีปนาวุธ รวมทั้งโสมแดงถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการจมเรือรบของเกาหลีใต้
อย่างไรก็ตามในปี 2017 มูน แจ-อิน (Moon Jae-in) ได้รับเลือกให้เป็น ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ได้รื้อฟื้นนโยบายแสงแดดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง และได้ทำข้อตกลงกับโสมแดงเพื่อสันติภาพและลดอาวุธ ทำให้คาบสมุทรเกาหลีเป็นดินแดนแห่งสันติภาพ ปราศจากอาวุธนิวเคลียร์และการคุกคามทางนิวเคลียร์ (land of peace without nuclear weapons and nuclear threats)
11. สิทธิมนุษยชน (Human rights)
โสมแดงได้ชื่อว่า เป็นประเทศที่มีสิทธิมนุษยชนเลวร้ายมากที่สุดในโลก เพราะมีข้อจำกัดหลายอย่างในด้านเสรีภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจ ประชาชนถูกควบคุมอย่างเข้มงวดโดยรัฐในเรื่องชีวิตประจำวัน และต้องอยู่ภายใต้การการวางแผนของพรรคและรัฐ
การจ้างงาน ต้องอยู่ภายใต้การบริหารของพรรคบนพื้นฐานความไว้วางใจทางการเมือง นอกจากนี้ การเดินทางท่องเที่ยวก็ยังต้องถูกควบคุมโดยกระทรวงความมั่นคงของพลเมือง ยิ่งกว่านั้น ประชาชนโสมแดงยังไม่มีโอกาสเลือกในการทำงานและไม่มีเสรีภาพในการเปลี่ยนงาน
12.การทหาร
การทหารของประเทศเกาหลีเหนือเข้มแข็งมาก เป็นไปตามนโยบายซองอึน (Wikipedia, Songun Policy, 15th May 2023)

กองทัพเกาหลีเหนือ หรือ กองทัพประชาชนเกาหลีเหนือ มีกองกำลังประจำการราว 1,280,000 คน และมีกองกำลังสำรองราว 6,300,000 คน จึงทำให้เกาหลีเหนือเป็นประเทศหนึ่งที่มีกองกำลังทหารใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีกองทัพประจำการราวร้อยละ 4.9 ของจำนวนประชากร และมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสี่ของโลกรองลงมาจากจีน อินเดีย และสหรัฐอเมริกา ประมาณร้อยละ 20 ของชายอายุระหว่าง 17-24 ปี อยู่ในกองทัพ และประมาณ 1 ใน 25 คนของประชากรมีชื่ออยู่ในบัญชีทหาร
เกาหลีเหนือเป็นประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์ (nuclear-armed state) คาดว่า เมื่อปี 2018 มีอาวุธนิวเคลียร์ จำนวน 15-60 ลูก โดยมีจรวดยิงได้ระยะไกลถึง 11,900 กิโลเมตร
นอกจากนี้ยังคาดหมายว่า เกาหลีเหนือมีอาวุธเคมีราว 2,500-5,000 ตัน
13. สรุป
เกาหลีเหนือ เป็นประเทศเผด็จการสมบูรณ์แบบ มีพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียว และรวบอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลางเป็นอย่างมาก ( Highly centralized, one-party totalitarian dictatorship) ในทุกมิติ ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ภายใต้อุดมการณ์ทางการเมืองที่เรียกว่าจูเช่ (Juche) ซึ่งเป็นอุดมการณ์ที่ประยุกต์จากลัทธิมาร์กและเลนิน (Marxism-Leninism) โดยพรรคแรงงานหรือพรรคคอมมิวนิสต์เกาหลีเหนือเป็นองค์กรที่มีอำนาจในชี้นำและควบคุมทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่การประกอบอาชีพ และการเดินทางท่องเที่ยว จนได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีสิทธิมนุษยชนต่ำที่สุดในโลก และยิ่งกว่านั้น อำนาจสูงสุดในทางการเมืองยังผูกขาดโดยคนตระกูลคิมเท่านั้น
ผู้นำคนแรก คือ คิม อิล ซุง (Kim Il Sung) ผู้พัฒนาโสมแดงภายใต้อุดมการณ์ จูเช่ และอยู่ในอำนาจจนกระทั่งถึงแก่อสัญกรรม โดยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีระหว่างค.ศ.1972-1994
ผู้นำคนที่สอง คือ คิม จอง-อิล (Kim Jong-il) บุตรชายของคิม อิล ซุง สืบทอดอำนาจเมื่อปี 1994
ผู้นำคนที่สาม คือ คิม จองอึน (Kim Jong Un) หลานของคิม อิล-ซุง สืบทอดอำนาจเมื่อปี 2011
สำหรับรายละเอียดและความคิดเห็นเพิ่มเติม กรุณาติดตามได้ใน หัวข้อ ถาม-ตอบสนุก กับดร.ชา 369 ท้ายบทความนี้
ถาม-ตอบสนุก กับดร.ชา 369
1.ถาม-ทำไมจึงกล่าวว่า โสมแดง เป็นประเทศเผด็จการสมบูรณ์แบบ (Totalitarian Dictatorship)
การที่กล่าวว่า โสมแดง เป็นประเทศเผด็จการสมบูรณ์แบบ ก็เพราะเป็นประเทศที่อำนาจในการตัดสินใจในมิติต่าง ๆ ของประเทศ รวมเข้าสู่ศูนย์กลางทั้งหมด ทั้งในเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ตามอุดมการณ์จูเช่ ภายในการชี้นำของพรรคแรงงานเกาหลี หรือพรรคคอมมิวนิสต์เกาหลี
2.ถาม-จูเช่ (Juche) คืออะไร
จูเช่ คืออุดมการณ์ทางการเมืองของโสมแดง
จูเช่ แปลว่า การพึ่งตนเอง เป็นความคิดชุดหลักการซึ่งรัฐใช้เป็นเหตุผลในการตัดสินใจนโยบาย ได้แก่ นโยบายทหารเข้มแข็ง การพึ่งพาทรัพยากรของชาติ
3.ถาม-ลัทธิคิมอิลซุง-ลัทธิคิมจองอิล (Kimilsungism-Kimjongilism) คืออะไร
ลัทธิคิมอิลซุง-ลัทธิคิมจองอิล (Kimilsungism-Kimjongilism) คือ ลัทธิทางการเมืองของโสมแดงที่ประยุกต์จากลัทธิมาร์กและเลนิน (Marxism-Leninism
4.ถาม-นโยบายซองอึน (Songun Policy) คืออะไร
นโยบายซองอึน เป็นนโยบายทางการเมืองของโสมแดงที่ว่า ทหารต้องมาก่อน (military- first politics) เป็นนโยบายที่ตอกย้ำความสำคัญของกองทัพประชาชนโสมแดง ในกิจการของรัฐและการจัดสรรทรัพยากร
คำว่า ทหารต้องมาก่อน เป็นหลักการในทางการเมืองและเศรษฐกิจของเกาหลีเหนือ ที่ครอบงำระบบการเมือง โดยใช้อุดมการณ์ทหารต้องมาก่อน (military-first ideology) เป็นอุดมการณ์นำ
5.ถาม-ผลจากนโยบายซองอึน ทำให้การทหารของโสมแดงมีความเข้มแข็งมากน้อยเพียงใด
ผลจากนโยบายซองอึน ทำให้การทหารของโสมแดงมีความเข้มแข็งมากทั้งในด้านกองกำลังและอาวุธยุทโธปกรณ์ กล่าวคือ
กองทัพโสมแดง หรือ กองทัพประชาชนโสมแดง มีกองกำลังประจำการราว 1,280,000 คน และมีกองกำลังสำรองราว 6,300,000 คน จึงทำให้โสมแดงเป็นประเทศหนึ่งที่มีกองกำลังทหารใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีกองทัพประจำการราวร้อยละ 4.9 ของจำนวนประชากร ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 26 ล้านคนเศษ และมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสี่ของโลกรองลงมาจากจีน อินเดีย และสหรัฐอเมริกา
ประมาณร้อยละ 20 ของชายอายุระหว่าง 17-24 ปี อยู่ในกองทัพ และประมาณ 1 ใน 25 คนของประชากรมีชื่ออยู่ในบัญชีทหาร
โสมแดงเป็นประเทศหนึ่งที่มีอาวุธนิวเคลียร์ (nuclear-armed state) คาดว่า เมื่อปี 2018 มีอาวุธนิวเคลียร์ จำนวน 15-60 ลูก โดยมีจรวดยิงได้ระยะไกลถึง 11,900 กิโลเมตร
นอกจากนี้ยังคาดหมายว่า โสมแดงมีอาวุธเคมีราว 2,500-5,000 ตัน
6.ถาม-พรรคการเมืองของโสมแดงมีอยู่กี่พรรค มีสมาชิกมากน้อยเพียงใด
พรรคการเมืองของโสมแดงมีอยู่พรรคเดียว คือ พรรคแรงงานเกาหลี หรือพรรคคอมมิวนิสต์เกาหลี มีสมาชิกราว 6.5 ล้านคน เป็นพรรคการเมืองที่มีอิทธิพลครอบงำชีวิตคนเกาหลีในแทบทุกมิติ ทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม
7.ถาม-นโยบายแสงแดด (Sunshine Policy) คืออะไร
นโยบายแสงแดด เป็นนโยบายต่างประเทศของเกาหลีใต้ที่มีต่อโสมแดงในยุคของประธานาธิบดี คิม แด-จุง (Kim Dae-jung) ซึ่งดำรงตำแหน่งระหว่างปีค.ศ.1998-2003 เป็นนโยบายที่ต้องการให้โสมแดงมองเกาหลีใต้ด้วยทีท่าที่อ่อนลง ด้วยการสร้างความสัมพันธ์และให้ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ โดยมีหลักอยู่ 3 ประการ คือ จะไม่มีการยั่วยุด้านอาวุธ (no armed provocation) จากโสมแดง เกาหลีใต้จะไม่พยายามแทรกซึมเกาหลีเหนือ และเกาหลีใต้จะพยายามแสวงหาความร่วมมือ และการปรองดองกัน (reconciliation)
นโยบายนี้ ทำให้ คิม แด-จุง ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพเมื่อปี 2000
ดร.ชา 369 15/05/23
แหล่งข้อมูลหลัก
-Wikipedia, North Korea, 15th May 2023.