แม้ผมไม่ใช่นักจิตวิทยาและไม่ได้ประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่อะไร แต่ผมก็ได้ให้ความสนใจในเรื่องของการฝึกจิตให้มีพลังเข้มแข็งมาเป็นเวลาช้านานนับตั้งแต่ปีพ.ศ.2526 จนกระทั่งทุกวันนี้ นับเป็นระยะเวลายาวนานร่วม 37 ปี จึงเชื่อว่ามีองค์ความรู้และประสบการณ์ในเรื่องนี้พอสมควร
ด้วยเหตุนี้ ผมจึงอยากนำมาเล่าให้ท่านผู้อ่านที่มีความสนใจในด้านนี้ แต่ยังไม่เคยมีประสบการณ์ในการฝึกจิตให้เข้มแข็งด้วยการสั่งจิตใต้สำนึกมาก่อน ได้ลองอ่านดูเผื่อจะเป็นประโยชน์ในการทดลองนำไปฝึกและปรับใช้ในชีวิตประจำวันของท่านได้บ้าง
หัวข้อที่ผมจะนำมาเล่าประกอบด้วย ภูมิหลัง แนวคิดเบื้องต้น ประเภทของจิต การวิเคราะห์ปัญหาและการกำหนดเป้าหมาย หลักการเบื้องต้นของการฝึก การทำให้รู้สึกผ่อนคลายและตกอยู่ในภวังค์ การออกคำสั่งจิตใต้สำนึกและการสร้างมโนภาพ การประเมินผลและการปรับเป้าหมาย สรุปและข้อคิดเห็นปิดท้าย
สำหรับบทความ (1) เป็นการเล่าเรื่องภูมิหลังของผมในเรื่องของการฝึกสั่งจิตใต้สำนึก ได้แก่ หนังสือที่ผมชอบอ่าน ประสบการณ์ในการฝึกสั่งจิตใต้สำนึกเพื่อความสำเร็จ ประสบการณ์ในการฝึกสั่งจิตใต้สำนึกเพื่อความสุข สรุปและข้อคิดเห็น
Table of Contents
1.หนังสือที่ผมชอบอ่าน
มีคำกล่าวว่า หนังสือคือโลกกว้าง เราอยากไปท่องเที่ยวไปที่ใด อยากรู้อะไร เราสามารถค้นคว้าจากหนังสือได้ ส่วนจะเป็นหนังสือในแนวใด ก็ขึ้นอยู่กับความสนใจของแต่ละคน เช่น หนังสือนวนิยาย หนังสือเกี่ยวกับความรู้เฉพาะทาง หนังสือการ์ตูน หนังสือเกี่ยวกับการพัฒนาตนเอง หนังสือพุทธประวัติ หนังสือธรรมะของท่านพุทธทาส หนังสือธรรมะแนวหลวงปู่มั่น และหนังสือเกี่ยวกับประวัติบุคคลสำคัญ เป็นต้น
ในบรรดาหนังสือซึ่งไม่ใช่ตำราเรียน ที่ผมชอบซื้อหามาอ่านเป็นพิเศษ มักเป็นหนังสือสร้างความคิดด้านบวก ได้แก่ หนังสือเกี่ยวกับประวัติบุคคลสำคัญ หนังสือคำสอนทางพระพุทธศาสนา และหนังสือเกี่ยวกับการสร้างพลังจิต

การอ่านหนังสือเกี่ยวกับประวัติบุคคลสำคัญ ทำให้ผมเกิดแรงบันดาลใจที่อยากจะเป็นที่ประสบความสำเร็จในชีวิต แม้ว่าอาจจะไม่ใช่ความสำเร็จในระดับของการเป็นบุคคลสำคัญ แต่เบื้องหลังของความสำเร็จของบุคคลสำคัญหลายคน ก็คือ เคยยากลำบากมาก่อน เคยยากจนมาก่อน เคยล้มเหลวมาก่อน แต่ในที่สุดด้วยความมุ่งมั่นและบากบั่น ก็ทำให้บุคคลเหล่านี้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่จนเป็นแบบอย่างแก่คนทั่วไปรวมทั้งตัวผมด้วย
หลังจากเกิดแรงบันดาลใจที่ได้จากการอ่านประวัติบุคคลสำคัญแล้ว ผมคิดว่า หากจิตใจของเราไม่มีความเข้มแข็งและมุ่งมั่นมากพอ โอกาสที่เราจะประสบความสำเร็จย่อมยากที่จะเป็นไปได้ ดังนั้น ผมจึงสนใจในการอ่านหนังสือเกี่ยวกับการสร้างพลังจิตให้เข้มแข็ง ซึ่งได้แก่หนังสือว่าด้วยการสั่งจิตใต้สำนึกนั่นเอง
เมื่อพบหนังสือตามแผงหรือร้านหนังสือเกี่ยวกับการสั่งจิตใต้สำนึก ผมได้ซื้อมาอ่านเกือบทุกเล่ม เพื่อนำมาศึกษาไว้เป็นแนวทาง แต่หนังสือเหล่านี้มักเน้นการอธิบายในเชิงวิชาการด้านจิตวิทยามากกว่าประสบการณ์ของผู้เขียน แม้มีการยกตัวอย่าประกอบคำอธิบาย แต่ก็เป็นการยกตัวอย่างจากประสบการณ์ของบุคคลอื่น ไม่ใช่ประสบการณ์ของผู้เขียนเอง
ดังนั้น ผมจึงอยากเขียนบทความชุดการสั่งจิตใต้สำนึกเพื่อความสำเร็จและความสุข โดยเรียบเรียงจากประสบการณ์ในแบบฉบับของผมเอง ซึ่งเชื่อว่า ท่านคงไม่เคยอ่านหนังสือหรือบทความเกี่ยวกับการสั่งจิตใต้สำนึกในลักษณะเช่นนี้มาก่อนแน่นอน
2.ประสบการณ์ในการสั่งจิตใต้สำนึกเพื่อความสำเร็จ
ผมเชื่อว่า ทุกคนต้องการที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตตามสาขาอาชีพที่ตนเลือก ไม่ว่าจะเป็นอาชีพรับราชการ อาชีพนักธุรกิจ อาชีพเกษตร หรืออาชีพอิสระอื่น ๆ แต่การจะประสบความสำเร็จในอาชีพการงานของคนแต่ละคน ย่อมมีความยากง่ายแตกต่างกัน บางคนก็ประสบความสำเร็จโดยง่าย บางคนกว่าจะประสบความสำเร็จได้เลือดตาแทบกระเด็นก็มี
อย่างไรก็ดี เส้นทางไปสู่ความสำเร็จนั้น มีหลักกิโลเมตรวัดความสำเร็จของบุคคลเป็นระยะ ๆ หากใครสามารถเดินทางไปถึงสุดปลายทางได้ เขาเรียกว่า ไปถึงดวงดาว
ปัญหาคือ การไปสู่ดวงดาวยากไหม
หากพิจารณาอย่างผิวเผิน การที่จะสามารถเดินทางไปสู่ดวงดาวนั้น น่าจะยากสำหรับบุคคลทั่วไป แต่ก็ไม่ยากนักสำหรับบุคคลบางคน ทั้งนี้ขึ้นอยู่ทุนเดิมและปัจจัยแวดล้อมที่ได้เปรียบบุคคลทั่วไป เพราะบุคคลบางคนสามารถไปสู่ดวงดาวได้ด้วยการไปทางลัดหรือขึ้นทางด่วน ไม่ได้ผ่านหลักกิโลเมตรวัดความสำเร็จทุกหลักเสมอไป ท่านผู้อ่านว่าจริงไหม
ประสบการณ์สั่งจิตใต้สำนึกเพื่อความสำเร็จ
เมื่อช่วงรับราชการ 10 ปีแรก ผมเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง คือ คิดแล้วรวย (Think and Grow Rich,1937) ของนโปเลียน ฮิลล์ (Napoleon Hill:26 October 1883-8 November 1970) นักเขียนหนังสือแนวพัฒนาตนเองชาวอเมริกัน หนังสือเล่มนี้ติดอันดับ 1ใน 10 ของหนังสือด้านการพัฒนาตนเอง ที่ขายดีตลอดกาล
ในหนังสือเล่นนี้ นโปเลียน ฮิลล์ สอนว่า หากอยากประสบความสำเร็จในเรื่องอะไร ขอให้สร้างมโนภาพในความสำเร็จที่ต้องการไว้ให้ชัดเจน แล้วสั่งจิตใต้สำนึกบ่อย ๆ ให้จดจำภาพแห่งความสำเร็จนั้นไว้ โดยอาจเขียนข้อความแสดงเป้าหมายที่เราต้องการแปะไว้ที่หัวนอน และสวดภาวนาด้วยเสียงอันดังก่อนนอนและหลังตื่นนอนทุกวันให้ขึ้นไจพร้อมกับสร้างมโนภาพดังกล่าว ครั้งละประมาณ 5 นาที โดยต้องกำหนดระยะเวลาที่ต้องการความสำเร็จไว้ด้วย
ผมได้หลักดังกล่าวมาปรับใช้ในการสอบเลื่อนระดับตำแหน่งเป็นเจ้าพนักงานปกครอง 6 เมื่อปี พ.ศ.2526 โดยตั้งเป้าไว้ การสอบคราวนี้ ผมต้องสอบให้ได้ลำดับ 1-5 ของประเทศ การที่ผมกล้าตั้งเป้าไว้สูงเช่นนั้นก็เพราะผมเชื่อว่า ผมมีพื้นฐานความรู้ดีพอที่จะทำเช่นนั้นได้

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลานั้น ผมดำรงตำแหน่งผู้รักษาการในตำแหน่งผู้ตรวจการส่วนท้องถิ่นจังหวัดอุดรธานี (เจ้าพนักงานปกครอง 6) ตำแหน่งนี้ปัจจุบันคือตำแหน่งท้องถิ่นจังหวัด มีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นในเทศบาลเมืองอุดรธานี (ปัจจุบันคือเทศบาลนครอุดรธานี) เนื่องจากสภาเทศบาลมีมติไม่รับหลักการแห่งร่างเทศบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี จำนวน 6 ล้าน แทนที่เทศบาลจะรีบรายงานเสนอร่างงบประมาณดังกล่าวไปให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาตามกฎหมาย เทศบาลกลับนำร่างเทศบัญญัติงบประมาณนั้น ไปให้สภาเทศบาลพิจารณาทบทวนใหม่ ซึ่งเป็นกรณีที่กฎหมายไม่ได้บัญญัติไว้
ด้วยเหตุนี้ ในช่วงระยะเวลาดังกล่าวงานในหน้าที่ผู้ตรวจการส่วนท้องถิ่นจังหวัดอุดนธานีจึงยุ่งยากและหนักมาก ผมต้องอุทิศเวลาให้ทางราชการอย่างเต็มที่ ทั้งกลางวันและกลางคืน ทั้งวันราชการและวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ทำให้ผมมีเวลาอ่านหนังสือเฉพาะช่วงเวลา 22.00-24.00 ของแต่ละคืน แต่ด้วยการสั่งจิตใต้สำนึกตามเทคนิคของนโปเลียน ฮิลล์ ที่ผมได้เรียนรู้มาจากการอ่านหนังสือ ประกอบกับความเพียรพยายามอย่างจริงจังของผม ทำให้ผมสามารถสอบเลื่อนระดับ 6 ของกรมการปกครองในครั้งนั้น ได้ที่ 1 ของประเทศ
ด้วยผลการสอบดังกล่าว ได้สร้างชื่อเสียงให้ผมในแวดวงนักปกครองยุคนั้นได้มาก เพราะปกติ คนที่เคยสอบระดับ 6 หรือสอบชั้นเอกได้ที่หนึ่งของกรมการปกครองในอดีตที่ผ่านมา ล้วนเป็นคนที่ดำรงตำแหน่งในกรมเกือบทั้งสิ้น และจากจุดนั้นเองได้ทำให้ผมสามารถก้าวเข้าสู่การเป็นนักเขียนหนังสือประเภทตำราเตรียมสอบของนักปกครองทั้งหลายในช่วงปี พ.ศ.2528-2532 ได้ไม่ยากนัก เพราะมีเครดิตของการสอบเลื่อนระดับ 6 ได้ที่หนึ่งของประเทศนั่นเอง
3.ประสบการณ์การสั่งจิตใต้สำนึกสร้างความผ่อนคลายและความสุข
นอกจากการสั่งจิตใต้สำนึกเพื่อสร้างความสำเร็จในอาชีพการงานแล้ว เราอาจจะสั่งจิตใจ้สำนึกเพื่อสร้างความผ่อนคลายและความสุขได้ด้วย ส่วนจะเป็นความผ่อนคลายและความสุขในเรื่องอะไรนั้น ก็แล้วแต่ความต้องการของเรา
การสร้างความผ่อนคลายและความสุขประจำวัน
สำหรับตัวผม ในแต่ละคืน พอล้มตัวลงนอนบนเตียง ผมจะดำเนินการตามกระบวนการสั่งจิตใต้สำนึกเพื่อให้ร่างกายและจิตใจเกิดความผ่อนคลาย เพราะเมื่อเรารู้สึกว่า ร่างกายและจิตใจของเราผ่อนคลาย เราจะรู้สึกว่า มีความสุข ไร้ความกังวลใด ๆ ปกติใช้เวลา ราว 5-10 นาที ผมก็มักจะหลับไปก่อนในขณะที่กำลังสั่งจิตใต้สำนึกให้รู้สึกผ่อนคลายดังกล่าว
การนอนหลับง่ายและหลับสนิท จะทำให้เรามีความสุขเพราะได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ เมื่อตื่นนอนขึ้นมา จะรู้สึกสดชื่น ผิดกับคนนอนหลับยาก กว่าจะนอนหลับก็ดึกดื่น นอกจากนี้ยังนอนหลับไม่สนิท เมื่อตื่นขึ้นมาก็จะรู้สึกอ่อนเพลีย ไม่สดชื่น หน้าตาไม่แจ่มใส

หลังการรับประทานอาหารกลางวัน ผมมักจะใช้กระบวนการสั่งจิตใต้สำนึกเพื่อสร้างความรู้สึกผ่อนคลายราว 30 นาที ซึ่งจะทำให้ผมสามารถทำงานในรอบบ่ายด้วยความสดชื่นและกระฉับกระเฉง โดยผมได้เรียนรู้เทคนิกนี้จากการอ่านประวัติ จอห์น เอฟ.เคนเนดี (John F. Kennedy) ประธานาธิบดีคนที่ 35 ของอเมริกา
นอกจากนี้ ในยามกลางคืน ผมมักจะตื่นกลางดึกเพื่อเข้าห้องน้ำและปัสสาวะ ผมจึงใช้กระบวนการสั่งจิตใต้สำนึกให้รู้สึกผ่อนคลายดังกล่าว สักพักผมก็จะหลับได้จนรุ่งเช้า หรือบางทีผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นในเวลาราวตีสี่ ตีห้า ผมก็จะใช้กระบวนการสั่งจิตใต้สำนึกเพื่อสร้างความรู้สึกผ่อนคลายไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะได้เวลาตื่นนอนราว 6 โมงเช้าและผมก็จะตื่นขึ้นด้วยความรู้สึกสดชื่น กระปี้กระเป่า พร้อมที่จะทำงานได้อย่างมีความสุขและมีประสิทธิภาพ
ผมขอยืนยันว่า การพักผ่อนด้วยกระบวนการสั่งจิตใต้สำนึก แม้ใช้เวลาเพียง 30 นาที ก็จะทำให้ท่านรู้สึกสดชื่นราวกับนอนหลับสนิทไม่น้อยกว่า 2 ชั่วโมง
คนที่นอนหลับยาก มักเกิดจากการคิดโน่นคิดนี่ ทำให้จิตใจไม่รู้สึกผ่อนคลาย ไม่สงบ จึงหลับยาก แต่ทั้งนี้ไม่รวมถึงกรณีมีอาการเจ็บป่วยบางโรค อาจจะทำให้หลับยากเพราะต้องลุกเข้าห้องน้ำบ่อยครั้ง เช่น โรคต่อมลูกหมาก โรคเบาหวาน เป็นต้น
หากท่านผู้อ่าน มีปัญหานอนหลับยาก ลองฝึกการสั่งจิตใต้สำนึกไปใช้ดู ผมเชื่อว่า ท่านน่าจะนอนหลับได้ง่ายและหลับสนิทมากกว่าเดิม นั่นคือ การได้มาซึ่งความสุขแบบไม่ต้องเสียเงินซื้อแม้แต่บาทเดียว
4.สรุปและข้อคิดเห็น
บทความภูมิหลังของประสบการณ์การสั่งจิตใต้สำนึกเพื่อความสำเร็จและความสุข ต้องการชี้ให้เห็นว่า ผมได้มีองค์ความรู้และประสบการณ์ในการสั่งจิตใต้สำนึกมาอย่างไร โดยได้ยกตัวอย่างประสบการณ์บางอย่างที่ท่านอาจจะนำไปทดลองปฏิบัติได้จริง พอให้เห็นภาพ
ด้วยประสบการณ์อันยาวนานร่วม 37 ปี ผมเชื่อว่า ผมมีองค์ความรู้มากพอจะถ่ายทอดให้ท่านที่สนใจนำไปฝึกปฏิบัติ ขอเพียงแต่ติดตามอ่านบทความชุดนี้ไปเรื่อย ๆ จนจบ
พบกันใหม่ในบทความต่อไป แนวคิดเบื้องต้นของการฝึกสั่งจิตใต้สำนึก
ของคุณนะครับ
ดร.ชา
12/06/20
“ หากบทความนี้ถูกใจท่าน และท่านมีความประงสงค์จะสนับสนุนให้บทความนี้แพร่หลายออกไป กรุณามีส่วนร่วมด้วยการกดไลค์ กดแชร์ไปยังกลุ่มบุคคลหรือบุคคลในเครือข่ายของท่าน หรือแสดงความคิดเห็น รวมทั้งสมัครเป็นผู้ติดตามได้ตามอัธยาศัย และขอขอบคุณทุกท่านเป็นอย่างสูงไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย
กรุณาดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในเพจ การสมัครเป็นผู้ติดตามและการมีส่วนร่วมของเว็บไซต์นี้ คือ รวมเรื่องเล่า สนุกและสร้างสรรค์ ชุดประสบการณ์นักปกครองที่น่าสนใจ (https://tridirek.com) ”
“
หนูได้ฟังหนังสือเสียง เรื่องจิตใต้สำนึก จากยูทูป แล้วนำไปใช้ในการสั่งจิต ยังไม่เห็นผลค่ะ ฝึกไม่สมมำ่เสมอ ไม่เห็นผลแล้วเลิกค่ะ คิดได้ก็ฝึกอีก
การสั่งจิตใต้สำนึก จะได้ผลหรือไม่ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น การกำหนดเป้าหมาย เป็นเป้าหมายที่เราต้องการจริงหรือไม่ หรือแค่ต้องการทดสอบดู
เป้าหมายที่เราต้องการอยู่ในขอบเขตหรือศักยภาพที่เราจะทำได้หรือไม่ เพราะตัวที่ทำให้เราประสบความสำเร็จที่แท้จริงคือการกระทำ ส่วนจิตใต้สำนึกเป็นตัวกระตุ้น ให้เรากระทำโดยไม่ละความพยายาม